Sunday, 27 April 2025
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

‘อัษฎางค์’ ฟาดพวก 3 นิ้ว รู้ดี ‘เรื่องเท็จ-ข่าวปลอม’ แต่ประโยชน์ของ APEC กลับอ้าง “ไม่รู้อะไรเลย”

(17 พ.ย. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า มันแปลกดีน่ะ ข้อมูลข่าวสารดีๆ มีรายงานอยู่ตลอดมา ทั้งจากภาครัฐและภาคสื่อมวลชน แต่คนบางคนหรือบางกลุ่มมักมองไม่เห็นหรือไม่เคยมอง แล้วก็มักพูดว่า ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เพราะรัฐไม่เคยชี้แจงแถลงไข แต่กับข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ กลับรู้กันดีจริงๆ แถมยังเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริง

นายอนุชา บรูพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงประโยชน์ที่ประเทศ และประชาชนไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค APEC 2022 อันได้แก่

1.) ส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ ทำให้ธุรกิจทั้งรายเล็กรายใหญ่ได้เข้าถึงประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างเต็มที่

2.) เนื่องจากการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้นำเอเปคได้เดินทางมาพบหน้ากัน แบบตัวต่อตัว จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยได้แสดงศักยภาพ และความพร้อมให้โลกได้เห็นผ่านความสำเร็จในการจัดประชุมที่จะมีตลอดทั้งปี ท่ามกลางความท้าทายในสถานะการณ์โควิด-19 และสถานการณ์โลกที่ผันผวน

3.) เป็นโอกาสอันดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สนใจกลับมาเที่ยงเมืองไทย ผ่านภาพความสำเร็จ การจัดประชุมที่จะมีตลอดทั้งปี ท่ามกลางความท้าทายในสถานะการณ์โควิด -19

4.) เป็นโอกาสในการนำเสนอภาพความโดดเด่นทางวัฒนธรรม อาหาร การแสดง และเอกลักษณ์ความสวยงามของไทยจะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและงานบริการ

5.) ในช่วงสัปดาห์การประชุมเอเปคจะมีผู้นำเอเปคและผู้แทนจากต่างประเทศเดินทางมาเยือนไทยประมาณ 3,000 คน และสื่อต่างชาติอีกกว่า 2,000 คน

และนอกจากการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ ยังมีการประชุมที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ อาทิ APEC CEO summit, ABAC, APEC SME ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ไทยได้ต้อนรับผู้นำจากหลายประเทศ ทั้งที่เป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจและที่เป็นแขกพิเศษ ได้แก่ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งทุกคนที่มาร่วมงานประชุม ตลอดจนโลกทั้งโลกที่ติดตามข่าวสารในการประชุมในครั้งนี้ จะได้เห็นศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสการค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น

6.) เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้นำเสนอวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งเสริมความยั่งยืน นวัตกรรม ควบคู่ไปกับศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม ความสำคัญ ความหวังและผลประโยชน์มหาศาลจากการประชุมเอแปก

รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนบทความบอกเล่าถึงความสำคัญของ APEC 2022 Thailand เอาไว้ว่า APEC (ย่อมาจาก Asia-Pacific Economic Cooperation) เป็นเวทีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีความสำคัญระดับโลก มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน ความร่วมมือในด้านมิติสังคมและการพัฒนาด้านอื่น ๆ

วาระ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน 'อลงกรณ์' ปาฐกถามั่นใจความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทย-จีนมีแนวโน้มสดใส

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand) และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้รับเชิญเป็นองค์ปาฐกและร่วมเป็นประธานเปิดการประชุมนักธุรกิจและประกาศเกียรติคุณกิจการและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นในวาระเฉลิมฉลอง 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทยจัดโดยสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชีย ร่วมกับองค์กรปานามา แปซิฟิก อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็กโปซิชั่น( Panama Pacific International Exposition ) ที่โรงแรมเดอะแกรนด์ โฟวิงก์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานครโดยนายอลงกรณ์ปาฐกถาแสดงความมั่นใจว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทย-จีนมีแนวโน้มสดใส พร้อมกับโชว์ธนบัตรฉบับแรกของไทยที่นำออกใช้ในปี 2445 (ค.ศ 1902)หรือเมื่อ 123 ปีก่อนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5มีภาษาจีนปรากฏในธนบัตรดังกล่าวซึ่งในหลวงรัชกาลที่5ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้คนจีนสามารถทำมาหากินทำการค้าธุรกิจในประเทศไทย (สยาม) ต่อมาอีก100ปีรัฐบาลไทย จึงให้จัดพิมพ์ธนบัตรดังกล่าวโดยพิมพ์เพิ่มด้านหลังเป็นพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงทั้ง 2 พระองค์ซึ่งในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสถาปนาความสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2518 ซึ่งได้รับความสนใจจากที่ประชุมเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้นายอลงกรณ์ยังกล่าวยกย่อง ม.ล.สุภาพ ปราโมชว่าเป็น1ในคนไทยที่ทุ่มเทสานสัมพันธ์ไทย-จีนโดยเดินทางไปเยือนแผ่นดินใหญ่จีนถึง 157 ครั้งนับแต่ร่วมคณะม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไปสถาปนาความสัมพันธ์ที่กรุงปักกิ่งในปี พ.ศ.2518

โดยนายอลงกรณ์กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า “…วันนี้ เราทุกคนมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ ก่อนอื่น ขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในปีใหม่ และในปีนี้ เราร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันทรงคุณค่า และร่วมกันหารือถึงโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างจีนและไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มูลค่าการค้าทวิภาคีทำสถิติสูงสุดใหม่ การแลกเปลี่ยนทางการค้าในภาคสินค้าเกษตรผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลและไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์เคมีมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผลไม้คุณภาพสูงและข้าวของไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน ในขณะที่เครื่องจักรกลและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนก็มีบทบาทสำคัญในตลาดไทยเช่นกัน   

ภายใต้การผลักดันของนโยบาย 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง' ของรัฐบาลจีน การเชื่อมโยงระหว่างจีนและไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ได้สร้างช่องทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับการค้าระหว่างกัน ในขณะเดียวกัน การแลกเปลี่ยนในด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรมและการศึกษาของทั้งสองฝ่ายก็มีการพัฒนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน สนับสนุนนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อร่วมกันขยายตลาดสู่ระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ       

เมื่อมองไปสู่อนาคต โอกาสในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและไทยมีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เราจะส่งเสริมมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างความเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ และแสวงหาโอกาสความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานทดแทน เพื่อผลักดันความร่วมมือในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีนและไทยให้บรรลุผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้นไม้แห่งมิตรภาพจีน-ไทยเจริญงอกงามยิ่งขึ้น นำมาซึ่งความสุขและความเจริญให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ และมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น…”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top