Tuesday, 22 April 2025
ของขวัญปีใหม่

‘พีระพันธุ์’ เผยข่าวดี!! ครม.ไฟเขียวตรึงค่าดีเซล-ก๊าซหุงต้ม 3 เดือน พร้อมลดค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 3.99 บ./หน่วย เป็นของขวัญปีใหม่

(19 ธ.ค.66) นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้มีการนำเสนอมาตรการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยจะมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ค่าก๊าซแอลพีจีและก๊าซหุงต้ม ตรึงไว้ที่ 423 บาทต่อ 15 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งเคยเป็นมาตรการเดิมภัยที่เคยช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางไปแล้ว

ขณะที่ค่าไฟฟ้า สำหรับกลุ่มเปาะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 บาทต่อหน่วย ตรึงราคาค่าไฟที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยเหลือได้ 17 ล้านราย ทั้งนี้ ต้องขออภัยกลุ่มภาคครัวเรือน ไม่สามารถยืนอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยได้ แต่รัฐบาลได้พยายามเต็มที่ไม่ให้เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย

ส่วนจะได้ตัวเลขได้เท่าไร ขอดูตัวเลข 1 ม.ค. 67 ก่อน เพราะพบว่ามีแนวโน้มราคาก๊าซในตลาดโลกเริ่มลดลง ดังนั้น ณ วันที่ 1 ม.ค. อาจต่ำกว่าราคาในวันนี้ ซึ่งตอนแรกตนเองเตรียมราคาที่กำหนดไว้ แต่หากกำหนดไปแล้วยังลดค่าไฟลงไปได้อีก ซึ่งจะไม่เป็นไปตามมติ ดังนั้นจึงขอดูราคาสถานการณ์ก๊าซ ณ วันที่ 1 ม.ค. 67 ก่อน

ทั้งนี้ มาตรการที่ออกมาถือเป็นมาตรการระยะสั้น ภายใต้โครงสร้างเดิมที่ใช้มานานกว่า 40 ปี ซึ่งส่วนตัวคิดว่า ไม่เหมาะสม และตนเองได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษารื้อระบบโครงสร้างราคาค่าไฟและน้ำมันแล้ว ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ และถือเป็นมาตรการระยะยาวที่ต้องใช้เวลา ระหว่างนี้ที่รอมาตรการระยะยาวสิ่งไหนทำได้ก็ทำก่อนภายใต้โครงสร้างแบบเดิม และทำให้ดีที่สุดทุกเรื่อง เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

นายพีระพันธุ์ ยังชี้แจงที่ไม่สามารถกำหนดที่ชัดเจนได้ว่า การผลิตไฟฟ้ามีวัตถุดิบที่นำมาผลิตไฟฟ้า 3 อย่างหลักๆ คือ 1.ถ่านหิน ซึ่งไทยยังมีใช้อยู่ เป็นราคาที่ถูกที่สุดและมีการใช้พลังน้ำบ้างบางส่วน 2.ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งยังเป็นประเด็นใหญ่ในวันนี้ 3.พลังงานสะอาด จากพลังงานแสงแดด ลม ชีวมวลต่างๆ โดยทั้ง 3 อย่างคือวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าและมีต้นทุนแตกต่างกัน ที่สำคัญมีสัญญาเดิมที่ทำไว้กับผู้ประกอบการระยะเริ่มต้น เมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว ตนเองกำลังแก้ไขอยู่ รวมถึงแก้ไขโครงสร้างของก๊าซที่ต้องปรับรูปแบบจะดำเนินการอย่างไร ให้หลุดบ่วงราคาตลาดโลก ซึ่งถือเป็นแนวโน้มในการวางระบบและโครงสร้างใหม่ของด้านวัตถุดิบที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งหากควบคุมตรงส่วนนี้ได้ ทำให้ราคาวัตถุดิบอยู่ภายใต้การควบคุมรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ลดราคาไฟฟ้าลงมาได้โดยระบบของมันเอง ไม่ใช่แบบมติครม. แต่ต้องใช้เวลาในการศึกษารูปแบบ ผลกระทบ รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องต้องรับฟังความคิดเห็น ซึ่งตนเองจะพยายามทำให้เป็นรูปเป็นร่างภายในปี 2567 นี้

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเตรียมพบหารือกับนายฮุน มาเนตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในปี 67 นี้ จะมีการหารือเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางพลังงานระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือไม่ว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการต่อ เพราะเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขและผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่า จะเอาเรื่องเขตแดนกับเรื่องพลังงานมารวมกันจะหาข้อยุติได้ยาก เพราะเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องต้องใช้เวลา ซึ่งส่วนตัวมองว่า การเจรจาเรื่องเขตแดนไม่มีประเทศใดในโลกตกลงถอยหลังกันได้ง่าย แต่ไทยต้องมีความพยายามหาทางยุติลงให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในเรื่องนี้และตนก็เป็นกังวล เนื่องจากอยากใช้พลังงานในพื้นที่ตรงนั้น เพราะก๊าซธรรมชาติที่ไทยมีก็หมดไปทุกวัน หากไม่มีแหล่งใหม่มาเสริมหรือรองรับก็จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ดังนั้นเรื่องนี้เป็นสำคัญในการเจรจา

‘รมว.ปุ้ย’ จัดเต็ม!! 4 ของขวัญ ‘หนุนผู้ประกอบการ-ประชาชน’ ‘เติมทุน-เพิ่มโอกาส-กระจายรายได้-สินค้าดีราคาพิเศษ’ รับปีใหม่

(20 ธ.ค.66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ทุกกระทรวงจัดเตรียมแผนงานและโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้กับประชาชน เพื่อช่วยเหลือในการลดค่าครองชีพช่วงเทศกาลสำคัญ เพื่อส่งความสุขให้กับประชาชน และลดค่าใช้จ่าย เพิ่มกำลังซื้อสินค้า อีกทั้งยังส่งเสริมการขายและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ดำเนินการรวบรวมโครงการ/กิจกรรม ที่สามารถให้การช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย...

1. ด้านสินค้าและบริการดี ราคาพิเศษ กระทรวงฯ ร่วมกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด จัดโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ลดค่าใช้จ่าย (แต่ละค่ายรถยนต์เป็นผู้กำหนด) ให้กับประชาชนที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรีค่าติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า ฟรีประกันชั้น 1 เป็นต้น ขณะเดียวกันยังลดราคาหนังสือ มอก. และมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) 75 % ของราคาปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567 เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนนำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ ไปใช้ได้อย่างถูกต้องทั่วถึงในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

2. ด้านเติมทุน เสริมสภาพคล่อง กระทรวงฯ ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าบริการ เช่น เตรียมการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี พ.ศ. 2567 ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และ 3 ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาต มอก. ฉบับละ 3,000 บาท ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองหน่วยตรวจสอบและรับรอง (หน่วยตรวจ หน่วยรับรอง ห้องปฏิบัติการ) ฉบับละ 10,000 บาท และคำขอใบรับรอง ฉบับละ 1,000 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อพิเศษเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ดีพร้อม (DIPROM PAY) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการที่ต้องการระยะเวลาการกู้ยาว (Loan for SMEs by Tenor) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด ไม่เกิน 10 ปี สินเชื่อธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม (DIPROM Pay for BCG) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 7 ปี เป็นต้น

3. ด้านเพิ่มโอกาส เสริมแกร่งธุรกิจ กระทรวงฯ ได้ให้คำปรึกษาแนะนำ/บริการด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งออกแบบตราสินค้า ฉลากสินค้าและต้นแบบบรรจุภัณฑ์ ฟรี แกะกล่องของขวัญ เทรนด์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ฟรี ได้แก่ Workshop พัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Tech Academy) Workshop นำเสนอเครื่องมือแพทย์ฝีมือคนไทย พร้อมสาธิตและทดลองใช้งาน หลักสูตรอบรม พัฒนาองค์ความรู้ด้าน Low Cost Automation และการผลิตแบบ Toyota และ Workshop พัฒนาบุคลากรไปสู่นักนวัตกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมฝึกอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานระบบการบริหารจัดการ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวน 10 รุ่น เช่น หลักสูตรระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร และระบบการจัดการสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ (GHPs/HACCP version 2022) เป็นต้น

4. ด้านกระจายรายได้สู่ชุมชนรอบอุตสาหกรรม กระทรวงฯ ได้เร่งจ่ายเงินตัดอ้อยสดฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา จัดหาเครื่องสางใบอ้อยมาให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยืมใช้ แจกอ้อยพันธุ์ดี และดำเนินโครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชนปี 7 ซึ่งจะจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพของประชาชน โดยรอบสถานประกอบการเหมืองแร่ จัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ และต่อยอดจากการทำเหมือง มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน ให้แก่ชุมชนรอบเหมือง มอบเครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ทางการแพทย์

"กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งมั่นส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการและประชาชนให้สามารถดำเนินธุรกิจและการดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และก้าวเข้าสู่ปี 2567 ด้วยความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยโครงการของขวัญปีใหม่ 4 ด้าน และโครงการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและประชาชนอย่างแท้จริง และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน" รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวปิดท้าย

‘พีระพันธุ์’ แจ้งข่าวดี!! ‘OR’ ร่วมมอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ตรึงราคาน้ำมัน-เช็กสภาพรถฟรี เริ่ม 24 ธ.ค.66 - 3 ม.ค.67

(21 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่ เป็นเทศกาลแห่งความสุข ประชาชนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาของขวัญปีใหม่เพิ่มเติมให้แก่ประชาชน

ส่วนปีหน้าก็มีแผนการดำเนินงานด้านพลังงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ตั้งแต่ระดับเศรษฐกิจฐานรากไปจนถึงเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศ รวมทั้งจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิดให้เกิดความมั่นคง เป็นธรรม และยั่งยืน เป็นของขวัญปีใหม่ในปี 2567

โดยในส่วนของการเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยว บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) จะไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด ตลอด 10 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2567 (หากราคาตลาดโลกลดลง ก็จะปรับราคาในประเทศลงด้วย) นอกจากนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน สามารถนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ก่อนการเดินทางในช่วงปีใหม่ที่สถานีบริการ FIT Auto จำนวน 35 รายการ พร้อมให้บริการเติมลมยางไนโตรเจนและปะยางฟรี อีกทั้งยังจัดส่วนลดสินค้าเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน รวมถึงช่วยป้องกันและลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567

ในส่วนของการจับจ่ายใช้สอย ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จัดแคมเปญฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ ลุ้นโชคใหญ่ โดยการมอบสิทธิส่วนลด ซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5 ใหม่ ได้ส่วนลด 200-1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับราคาสินค้า) รวม 15,000 สิทธิ ณ ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ

ดังนี้ HomePro, MEGA HOME, The Mall, ไทวัสดุ, Power Buy, Power Mall, Paragon, Emporium รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสิทธิจะหมด นอกจากนั้น ทุกใบเสร็จยังได้สิทธิลุ้นของรางวัลรวมกว่า 1,500,000 บาท

นอกจากนั้น กรมธุรกิจพลังงาน ได้ประกาศให้โรงกลั่นน้ำมันทั่วประเทศ ปรับคุณภาพน้ำมันให้เป็นยูโร 5 ซึ่งสามารถช่วยลดฝุ่น PM 2.5 เป็นของขวัญให้แก่สุขภาพคนไทย และในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี จะมีการขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ประจำปี 2567 เป็นจำนวนมาก กรมธุรกิจพลังงานและสำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ จึงขยายเวลาให้บริการในช่วง 16.30-18.30 น. ตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2566

“นอกจากการลดค่าไฟฟ้า การตรึงน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม ผมอยากหาของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ทั้ง ปตท. ที่จะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นเวลา 10 วัน รวมทั้งตรวจสภาพรถยนต์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการท่องเที่ยว”

‘ร.ฟ.ท.’ นำทัพนักแสดงดัง แต่งตัวเป็นซานตาคลอส มอบของขวัญ ส่งสุขให้ ‘ผู้ใช้บริการสายสีแดง’ เนื่องในวันคริสต์มาส-ปีใหม่ 2567

เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค. 66) นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้นำทัพนักแสดงช่อง 7 แต่งตัวเป็นซานตาคลอส ร่วมมอบของขวัญ เช่น น้ำอัดลมและกาแฟกระป๋อง ให้แก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง เนื่องในวันคริสต์มาส และปีใหม่ 2567

สำหรับนักแสดงช่อง 7 ที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ได้แก่ แอนดรูว์ โคร์นิน, แอมป์ พีรวัศ, หมู ภูษณะ รวมถึง ตี๋ บุญเกียรติ วงค์ษาแจ่ม ผู้รักษาประตูจาก UTFC

เรียกได้ว่า บรรยากาศกิจกรรมอบอวลไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน ทั้งผู้ให้และผู้รับ และหากใครอยากติดตามกิจกรรมดีๆ แบบนี้ จากรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็สามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/REDLineSRTET/ ได้เลย

‘หนุ่มไต้หวัน’ จับของขวัญปีใหม่ ลุ้น!! นึกว่าจะได้พัดลมไฟฟ้า Dyson เฉลย!! เป็นนมผง-ช็อกโกแลต ทำชาวเน็ตขำก๊ากกับไอเดียสุดบรรเจิด

(28 ธ.ค. 66) ในช่วงสิ้นปีของทุกปีผู้คนจำนวนมากจะรวมตัวกับญาติ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานในช่วงคริสต์มาสหรือวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อสังสรรค์ปาร์ตี้สนุกสนานในธีมต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงหลาย ๆ คนมีการแลกเปลี่ยนของขวัญกันอีกด้วย บางคนก็ได้ของขวัญสุดหรู บางคนได้ของใช้ แต่บางคนได้ของขวัญสุดขำ

ดังเรื่องราวที่เป็นกระแสไวรัลในเฟซบุ๊กทางกลุ่มนิรนามในไต้หวัน เผยว่าชายในภาพจับฉลากได้ของขวัญห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับพัดลมไฟฟ้าของ Dyson มาก โดยไม่คาดคิดหลังจากแกะถุงดำออกต่างพากันขำกรามค้าง

โดยระบุว่า “หลังจากทานอาหารเสร็จ แผนกก็มีการแลกของขวัญกัน ธีมคือของที่ Costco เพื่อนร่วมงานได้รับของขวัญที่หัวหน้างานเตรียมไว้ ทุกคนตื่นเต้นมาก นึกว่าพัดลม Dyson แต่หลังจากเปิดดูเป็นนมผงและช็อกโกแลต 1 พวง ผู้ชมทั้งหมดพากันหัวเราะ คล้ายมากจริง ๆ ได้ไอเดียมาจากไหน ประทับใจมาก ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์มาก”

พร้อมทั้งโพสต์ภาพความจริงของของขวัญว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน คือ นมผงกระป๋องหนึ่งและช็อกโกแลตจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ให้ถูกจงใจรวมเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงของพัดลมไฟฟ้า

ภาพถ่ายดังกล่าวจุดประกายให้เกิดการพูดคุยอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ต “ช็อกโกแลตอร่อย เอามาผสมทำนมช็อกโกแลต”, “นึกว่าเป็นกระเช้าดอกไม้”, “แค่แพ็คกระป๋องนั้นก็นึกว่าจะกระโดดข้ามแล้ว”, “หน้าเหมือนไดสันจริง ๆ”, “หัวเราะแล้วหัวเราะอีก น้ำตาจะไหล”

นายกรัฐมนตรีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่”พ.ศ.2567 ให้แก่ประชาชน และข้าราชการตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน และเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ในโอกาสเทศกาลสำคัญประจำปี 2567 และเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 14/2567

วันที่ 28 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่” พ.ศ. 2567 โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ

สำหรับ ในปี พ.ศ.2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ ตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 

1. โครงการแอปพลิเคชันป้องกันการหลอกหลวง “Protect U” โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นในการแจ้งเตือนภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งการเตือนหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้า รวมถึงข้อความที่มีลิงค์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันมิให้หลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงเป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกในการประสานแจ้งขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งความกรณีหลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ 

โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก www.thaipoliceonline.com, www.เช็คก่อน.com และ www.ฉลาดโอน.com

2. โครงการพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ซึ่งเป็นโครงการในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ
ชาวต่างประเทศในการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย โดยการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการ อีกทั้งเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

3. โครงการ Police Wellness โดยสำนักงานกำลังพล ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และแบ่งเบาภาระของข้าราชการตำรวจ โดยมอบสวัสดิการด้านส่วนลดในการเข้าใช้บริการที่พักสถานตากอากาศ ประกอบด้วย 1. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ The Cop Seminar & Resort ต.บางละมุง อ.บางละมุงจ.ชลบุรี  2. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ (ค่ายพระราม 6) Sea Sand Sun ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยคิดอัตราห้องพัก ในอัตราเดียวกับข้าราชการตำรวจ            

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการเปิดโครงการนิทรรศการของขวัญปีใหม่ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 14/2566 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่าง ๆ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบของขวัญปีใหม่ 2568 “สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน”แถลงผลการระดมกวาดล้างในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 

ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

(24 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และผลการระดมกวาดล้างก่อนวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมีผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน  ฯลฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งในภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศ มีจำนวน 695 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 258 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 437 แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่ 47 แห่ง และได้เตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศ 8,468 นาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 17 - 23 ธันวาคม 2567 มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. อาชญากรรมทั่วไป รวมจับกุม 36,609 คดี ผู้ต้องหา 37,574 คน ตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 114,225,749 บาท
- ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และสถานบริการ รวมจับกุม 31,036 คดี ผู้ต้องหา 32,172 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 103,490,764 บาท / ในส่วนคดียาเสพติด จับกุมได้ 10,465 คดี ผู้ต้องหา 10,461 คน ตรวจยึดยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 10,833,177 เม็ด ยาไอซ์ 8,209.51 กรัม เคตามีน 620.59 กรัม เฮโรอีน 81.3 กิโลกรัม ฝิ่น 3,428 กรัม ยาอี 273 เม็ด โคเคน 213 กรัม กัญชา 18.16 กิโลกรัม น้ำกระท่อม 44,000 มิลลิลิตร 

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน รวมจับกุม 1,664 คดี ผู้ต้องหา 1,595 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 10 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 1,062 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 345 กระบอก วัตถุระเบิด 1,075 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 248 ดอก เครื่องกระสุนปืน 7,618 นัด มูลค่า 5,574,133 บาท

- จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,909 หมายจับ ผู้ต้องหา 3,807 คน

2. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
- ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ รวมจับกุม 3,519 คดี ผู้ต้องหา 3,490 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 712,266,009 บาท      

- ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า ซิมม้า) รวมจับกุม 447 คดี ผู้ต้องหา 427 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 284,940 บาท 

พร้อมกันนี้ได้วาง 10 มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 ได้แก่ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนถึงกำหนดการจัดงานตามเทศกาล สืบสวนหาข่าว เฝ้าระวังการลักลอบขนย้ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงาน เฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของบุคคลกลุ่มเสี่ยง รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดำเนินโครงการ “ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ” (ฝากบ้าน 4.0) ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 และแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชน 

อีกทั้งยังได้วาง 3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เช่น ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นลดอุบัติเหตุทางถนน ตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ดำเนินการปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมกันทั่วประเทศ 71 จุด โดย พล.ต.อ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร มูลนิธิ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า วันคริสต์มาส และห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว 

ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและลดอุบัติทางถนน และอำนวยการจราจรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดวามสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top