Tuesday, 22 April 2025
กาสิโนถูกกฎหมาย

‘ธนกร’ หนุนตั้ง ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ หวังแก้วิกฤติ ศก.ตกต่ำ เชื่อ!! ช่วยเพิ่มนทท.-สร้างงาน-สร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้น

(18 พ.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ตนสนับสนุนแนวคิดตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศ ที่ปัจจุบันมีความจำเป็นให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการหาแหล่งที่มาของรายได้เพิ่ม เพื่อนำมาพัฒนาประเทศเชิงรุกด้านธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิงในประเทศไทย และเป็นแหล่งที่มีรายได้สูง เนื่องจากประเทศเรามีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันพบว่ามีการลักลอบเปิดสถานบันเทิง บ่อนการพนันทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย ทำให้ประเทศขาดรายได้จำนวนมาก

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการเสนอให้มีกาสิโนถูกกฎหมายแล้วหลายครั้งแต่ไม่ผ่านความเห็นชอบ นายธนกร กล่าวว่า ตนจึงสนับสนุนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษาในการส่งเสริมธุรกิจบันเทิงครบวงจรเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ  ศึกษาผลดี และปิดช่องโหว่ผลเสียของกาสิโนถูกกฎหมาย เพราะหากมีการกำหนดหลักเกณฑ์จำกัดการออกใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด,กำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษี,การจัดระเบียบการเข้าใช้บริการของผู้เข้าใช้ ต้องเป็นต่างชาติ หากเป็นคนไทยก็ต้องแสดงรายได้ที่มีเพียงพอ ไม่มีหนี้สิน เมื่อภาครัฐมีความเข้มแข็งในการควบคุมในเรื่องเหล่านี้ภายหลังการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายแล้ว จะช่วยแก้ปัญหาการลักลอบเล่นการพนัน ปัญหาบ่อนเถื่อน ปัญหาเจ้าหน้าที่รับส่วยเงินใต้โต๊ะ รวมถึงปัญหาอาชญากรรมด้านสังคมและเศรษฐกิจได้ การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ภาครัฐสามารถเก็บภาษีได้จำนวนมาก

“ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงามทุกจังหวัด ทุกภาคของไทย หากมีกาสิโนถูกกฎหมายเข้ามาเพิ่ม ก็เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้และมีการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐได้อีกจำนวนมาก” นายธนกร กล่าว

‘กาสิโนในไทย’ แรงเสริมภาคการท่องเที่ยว ในวันที่จุดขายทางธรรมชาติ เริ่มสึกกร่อน

ทีมข่าว THE STATES TIMES  ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กาสิโนในไทย ถึงเวลารึยัง?' เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า…

อบายมุขกับการท่องเที่ยวอาจเป็นของคู่กัน มีการศึกษาของหลายสำนักระบุว่าธุรกิจการพนันมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่รายได้ทางตรงจากการเล่นการพนันเท่านั้น แต่ผลประโยชน์ยังได้กระจายไปยังธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ ได้แก่ โรงแรม, ร้านอาหาร, ห้างสรรพสินค้า, การจัดประชุมและนิทรรศการ ทั้งในระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น และระดับรากหญ้า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเล่นการพนันและพักผ่อนหย่อนใจในสถานบันเทิงต่างๆ เป็นนักท่องเที่ยวรายได้สูงและใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 

หลายประเทศ/เมืองประสบความสําเร็จจากการใช้ธุรกิจการพนันเป็นเครื่องดึงดูดนักท่องเที่ยว ลาสเวกัส น่าจะเป็นเมืองแห่งการพนันและบันเทิงเมืองแรกๆ ของโลกที่ประสบความสําเร็จมาอย่างยาวนาน แม้จะตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเลทรายในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันลาสเวกัสได้กลายเป็นเมืองร่ำรวยที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละกว่า 40 ล้านคน ลาสเวกัสยังเป็นโมเดลที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยึดถือเป็นแบบอย่างในการพัฒนาธุรกิจการพนันและบันเทิงแบบครบวงจร

มาเก๊าเป็นเมืองการพนันอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และในบางช่วงเวลาได้สร้างรายได้การท่องเที่ยวได้มากกว่าลาสเวกัสเสียอีก เนื่องจากมาเก๊าเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเป็นที่เดียวที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย จึงมีคนจีนเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจที่มาเก๊าเป็นจำนวนมาก

สิงคโปร์และญี่ปุ่นเป็นอีก 2 ประเทศที่เล็งเห็นประโยชน์จากการเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย หลังจากเปิดได้เพียงไม่กี่ปี Marina Bay ได้กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดและสร้างรายได้มหาศาลของสิงคโปร์ ขณะที่ญี่ปุ่นก็เพิ่งจะอนุญาตให้จัดตั้งกาสิโนเป็นครั้งแรกที่เมืองโอซากา กำหนดเปิดดำเนินการได้ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งสองประเทศเป็นประเทศที่มีความอนุรักษ์นิยมไม่ยิ่งหย่อนกว่าไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่เติบโตด้วยภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก วันนี้แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาหลังจากวิกฤตโควิด แต่ก็ยังไม่สามารถกลับสู่ระดับเดิมก่อนโควิดได้ การท่องเที่ยวของไทยพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ชายหาด, เกาะแก่ง, อุทยาน เป็นต้น นับวันแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเหล่านี้ก็จะสึกหรอไปจากความแออัดของนักท่องเที่ยว การลงทุนเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made Attractions แม้ว่าจะมีอยู่บ้าง แต่ก็น้อยเต็มทีและต้องถือว่ายังไม่เป็นระดับโลก

จึงเป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้มีการผลักดันเรื่องการจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายและสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจากการศึกษาของหลายสำนัก รวมทั้งรัฐสภาและกระทรวงการคลัง พบว่ามีความเป็นไปได้และน่าจะมีประโยชน์มากกว่าผลเสีย แต่มีประเด็นสำคัญต่างๆ ที่ฝ่ายนโยบายต้องคำนึงถึง อาทิเช่น การกำกับดูแล การจัดเก็บภาษี การเลือกที่ตั้งที่เหมาะสม การสร้างความเชื่อมโยงกับ Soft Power ของไทย ผลกระทบทางสังคม เป็นต้น ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นข้อห่วงใยที่เป็นประโยชน์และจำเป็นต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ

เรื่องสำคัญที่อาจจะยังไม่มีการพูดถึง คือ เรื่องของตลาดและเทคโนโลยี หากกาสิโนที่จะมีการจัดตั้งขึ้นมุ่งเน้นลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งก็คงจะเป็นตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแข่งขันกับกาสิโนอื่นในภูมิภาค รวมทั้งมาเก๊าของจีน คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะขอให้รัฐบาลจีนส่งเสริมให้คนจีนขนเงินมาเล่นการพนันในประเทศไทยในภาวะที่จีนกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจและเงินทุนไหลออก ดังนั้นอาจจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันแบบ G to G กับทางจีนเป็นประการแรก  ส่วนเรื่องเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีออนไลน์และ AI ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจบันเทิงทุกประเภท ก็อาจทำให้กาสิโนที่จะมีขึ้นมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ไว้ใจรัฐ!! ทำเพื่อประโยชน์คนไทยในวงกว้าง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย' เมื่อวันที่ 7 เม.ย.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ในที่สุดสถานบันเทิงครบวงจรก็ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแบบไร้เสียงคัดค้าน แต่กระแสคัดค้านน่าจะมาจากสังคมนอกสภา สังคมที่ท่านนายกรัฐมนตรีเรียกว่าเป็นสังคมอีแอบ

นับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่จะมีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega Project ในรอบหลายปี การท่องเที่ยวไทยพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานเป็น Tourist Attractions มาโดยตลอด จนสถานที่เหล่านั้นเริ่มสึกหรอและเสื่อมทรามลงไปจากความแออัดของนักท่องเที่ยว รัฐบาลในอดีตได้รับรายได้มหาศาลจากภาคการท่องเที่ยว แต่ละเลยที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นระดับโลก

ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โครงการสถานบันเทิงครบวงจร นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ใน Man-made Attractions แล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่สากล และการท่องเที่ยวเชิง MICE (Meeting Incentive Convention and Exhibition) ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่ใช้จ่ายเงินสูง และสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศอื่น ๆ มาแล้ว

แน่นอน ผลกระทบทางสังคมที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ แต่ก็ไม่สมควรที่จะหวาดกลัวไปตามแรงกดดันของสังคมอีแอบ เพราะปัจจุบันสังคมไทยก็อยู่กับอบายมุขอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นอบายมุขที่ผิดกฎหมาย การนำอบายมุขเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน อาจทำให้รายได้ของเจ้าหน้าที่ที่รับส่วยอยู่ในปัจจุบันลดลงหรือหมดไป แต่ก็กลายมาเป็นรายได้ของรัฐบาล ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้างต่อไป

ส่วนกลุ่มเปราะบางทางสังคมซึ่งอาจได้รับผลกระทบ เชื่อว่ารัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับอยู่แล้ว และกลุ่มรากหญ้าที่ต้องการเล่นการพนันที่ถูกกฎหมายแต่ไม่สามารถเข้าถึงกาสิโนในสถานบันเทิงได้นั้น ก็สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิตอลออนไลน์เข้ามาเสริมการให้บริการและการเข้าถึงในระดับรากหญ้า แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเคร่งเครียดของรัฐบาล

ประเทศไทยสูญเสียโอกาสและรายได้ไปนานหลายสิบปี ครั้งนี้จึงเป็นวาระสำคัญของประเทศที่คนไทยทุกคนจะร่วมกันผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ไว้ใจรัฐ!! ทำเพื่อประโยชน์คนไทยในวงกว้าง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'กาสิโน Chapter ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย' เมื่อวันที่ 14 เม.ย.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

ในที่สุดสถานบันเทิงครบวงจรก็ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแบบไร้เสียงคัดค้าน แต่กระแสคัดค้านน่าจะมาจากสังคมนอกสภา สังคมที่ท่านนายกรัฐมนตรีเรียกว่าเป็นสังคมอีแอบ

นับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่จะมีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega Project ในรอบหลายปี การท่องเที่ยวไทยพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานเป็น Tourist Attractions มาโดยตลอด จนสถานที่เหล่านั้นเริ่มสึกหรอและเสื่อมทรามลงไปจากความแออัดของนักท่องเที่ยว รัฐบาลในอดีตได้รับรายได้มหาศาลจากภาคการท่องเที่ยว แต่ละเลยที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวให้เป็นระดับโลก

ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โครงการสถานบันเทิงครบวงจร นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ใน Man-made Attractions แล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่สากล และการท่องเที่ยวเชิง MICE (Meeting Incentive Convention and Exhibition) ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่ใช้จ่ายเงินสูง และสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศอื่น ๆ มาแล้ว

แน่นอน ผลกระทบทางสังคมที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ แต่ก็ไม่สมควรที่จะหวาดกลัวไปตามแรงกดดันของสังคมอีแอบ เพราะปัจจุบันสังคมไทยก็อยู่กับอบายมุขอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นอบายมุขที่ผิดกฎหมาย การนำอบายมุขเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน อาจทำให้รายได้ของเจ้าหน้าที่ที่รับส่วยอยู่ในปัจจุบันลดลงหรือหมดไป แต่ก็กลายมาเป็นรายได้ของรัฐบาล ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้างต่อไป

ส่วนกลุ่มเปราะบางทางสังคมซึ่งอาจได้รับผลกระทบ เชื่อว่ารัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับอยู่แล้ว และกลุ่มรากหญ้าที่ต้องการเล่นการพนันที่ถูกกฏหมายแต่ไม่สามารถเข้าถึงกาสิโนในสถานบันเทิงได้นั้น ก็สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิตอลออนไลน์เข้ามาเสริมการให้บริการและการเข้าถึงในระดับรากหญ้า แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเคร่งเครียดของรัฐบาล

ประเทศไทยสูญเสียโอกาสและรายได้ไปนานหลายสิบปี ครั้งนี้จึงเป็นวาระสำคัญของประเทศที่คนไทยทุกคนจะร่วมกันผลักดันให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

จี้รัฐ! ทำประชามติกาสิโนฯ - ภท.ชี้ ร่าง กม.มีปัญหา สส.ประชาชน ย้ำ! คนคลองเตยไม่เอา

วงประชุมโฟกัสกรุ๊ป 'กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?' จัดโดย มสส.และ สสสย. เผย! '4 วิทยากร' ไม่คัดค้านแบบไร้เหตุผล พร้อมแนะรัฐบาลต้องทำรอบคอบ เปิดเวทีทำประชามติเข้มข้น แนะรัฐบาลปรับเงื่อนไขผ่อนปรน ปิดช่องทุนใหญ่ต่างชาติฮุบรายเดียว ชี้! ควรลดไซส์ ขยายในพื้นที่ที่มีความพร้อม เชื่อดึงเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้าน สส.ภูมิใจไทย เห็นปัญหากฎหมายนี้ ขณะที่ สส.ประชาชน ยืนยันคนคลองเตยไม่เอาด้วยแน่

เมื่อเวลา 10.30 น. (13 ก.ย.67) ณ ห้องบุษบงกช เอ ชั้น 2 โรงแรมยอรัล ริเวอร์ บางพลัด กรุงเทพฯ, มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) จัดประชุม โฟกัส กรุ๊ป 'กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?' โดยมีวิทยากรเข้าร่วมเวสวนา ประกอบด้วย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.เขตวัฒนา-คลองเตย พรรคประชาชน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารและรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. โดยมี นายจิระ ห้องสำเริง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธาน มสส. กล่าวว่า ในการแถลงนโยบบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ (12) มี 2 นโยบายจาก 10 นโยบายเร่งด่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายข้อที่ 4 ว่าด้วยเศรษฐกิจนอกระบบที่จะต้องนำธุรกิจบนดินขึ้นมาไว้บนดิน ทำให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี และนโยบายข้อที่ 7 ว่าด้วยการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยว เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 ข้อเกี่ยวพันกับบ่อนคาสิโน ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าสิ่งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือ? เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อเนื่องตามมาต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้สิน, ความสัมพันธ์ในครอบครัว, ปัญหาการฆ่าตัวตาย รวมปัญหาคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ และปัญหาการฟอกเงิน ดังนั้น การจะทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องถูกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รับฟังทุกเสียงจากสังคมให้มากกว่านี้

“มีคำถามตามมาว่า ถ้ามีหรือไม่มีบ่อนคาสิโน เศรษฐกิจไทยจะอยู่รอดหรือไม่รอดอย่างนั้นหรือ? ประเด็นคือทำอย่างไรจึงสร้างความสมดุลระหว่างปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาทางสังคม รวมถึงรัฐบาลจะรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ได้อย่างไร? การจัดงานนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง มสส. กับ สสสย. ที่ต่างมีบทบาทในการส่งเสริมให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะของสังคมไทย จึงคาดหวังจะเห็นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะมีบทบาทในการถ่วงดุล เพื่อลดปัญหาความไม่เหมาะสมต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล” ประธาน มสส. กล่าว

ด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน และทำให้ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอลเพล็กซ์ ก็มีเรื่องกาสิโนรวมอยู่ในนั้นด้วย ปัญหาคือใครจะเป็นผู้ให้สัมปทาน ผลประโยชน์ที่รัฐบาลจะได้มันคุ้มค่าหรือไม่? การจะมองเพียงรายได้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องมองถึงผลเสียด้วย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคมที่จะมีตามมาหากรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพทำในเรื่องนี้ 

“การมีคาสิโน คนไทยจะเป็นคนจ่ายค่าความเสียหายทางสังคม ขณะที่คนได้ประโยชน์คือคนทำธุรกิจฯ ส่วนตัวผมไม่อยากเห็นผลประโยชน์ไปตกอยู่กับกลุ่มนายทุน จึงอยากให้รัฐบาลเป็นคนทำในเรื่องนี้” นายกรวีร์ กล่าวและว่า เท่าที่ตนได้เห็นร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์) ยังรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การมีคาสิโน ขณะที่การกำหนดเงื่อนไขทั้งในส่วนของกลุ่มทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนและการกำหนดคุณสมบัติของคนไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันยังมีความไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ตนอยากให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายเก่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจพนันรูปแบบใหม่ๆ ในปัจจุบันด้วย

ส่วน นายกัณฑิล น่วมเจิม สส.เขตวัฒนา-คลองเตย พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อที่รัฐบาลจะมีรายได้เข้ามาเสริมกับการจัดเก็บรายได้ภาษีที่ปีนี้ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าราว 2-3% ซึ่งการมีมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินนั้น รัฐบาลจะต้องทำประชามติรับฟังเสียงจากประชาชน เนื่องจากสิ่งนี้จะมีผลกระทบตามมา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ แต่การจะเห็นผลได้ชัดนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยเพื่อการนี้เป็นการเฉพาะ

สำหรับนโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์นั้น ตนเห็นว่ารัฐบาลยังขาดความชัดเจนว่าจะเน้นอะไรมากกว่ากัน พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านนโยบายนี้ แต่เห็นว่ารัฐบาลควรจะลดสเปคการลงทุน รวมถึงกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่มากระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองหลวง ที่หากรวมกับนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปีไปด้วยแล้ว ก็จะยิ่งสร้างปัญหาตามมา โดยเฉพาะราคาที่ดินที่จะแพงขึ้น เป็นการทำลายโอกาสการเป็นเจ้าของที่ดินของคนไทยได้ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า คนคลองเตยไม่มีใครเห็นด้วยกันเรื่องนี้ หากจะสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่ท่าเรือคลองเตย เชื่อว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน

ขณะที่ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการยุทธศาสตร์และรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วงประชุมในวันนี้ ตนน่าจะมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องบ่อนคาสิโนมากที่สุด เพราะในสมัยที่เป็นหัวหน้านักเรียนไทยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นที่ตั้งบ่อนคาสิโนจำนวนมาก ตนมีหน้าที่คอยดูแลและติดตามนักเรียนไทยจากบ่อนคาสิโนให้กลับมาเข้าเรียน โดยมีนักเรียนไทยหลายคนที่เข้าไปเล่นพนันทั้งที่ยังขอเงินจากพ่อแม่ผู้ปกครอง หลายคนได้ขอเกินวงเงินที่ใช้จ่ายจริง เนื่องจากต้องนำไปเล่นพนันในบ่อนคาสิโน หลายคนเรียนไม่จบ บางคนต้องเลิกเรียนและย้ายเมืองหนีไป นโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จึงเป็นจึงเป็น “ดาบสองคม” ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมไทย เนื่องจากผู้ลงทุนต้องหวังผลกำไรและส่งรายได้กลับประเทศตัวเอง ขณะที่ผู้เล่นซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไทยจะเป็นคนจ่ายเงินให้กับธุรกิจนี้ จึงมีคำถามตามมาว่า ที่สุดรัฐบาลคาดหวังจะเติมเงินในกระเป๋าให้กับคนไทย หรือต้องการจะดูดเงินออกจากกระเป๋าคนไทยกันแน่

“มันไม่ต่างจากนโยบาย “อบายมุขเสรี” คำถามคือ คนไทยจะร่ำรวยได้จากนโยบายอย่างนี้จริงหรือ?” ดร.มล.กรกสิวัฒน์ ระบุและว่า หากรัฐบาลตั้งเชื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ตรงกับภารกิจ เชื่อว่าจะช่วยให้การตอบคำถามสังคมทำได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ จากที่ตนได้อ่านกฎหมายแม่ทั้ง 69 มาตรา เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่กับกฎหมายลูกดูแล้วน่าจะกังวลใจมากกว่า เนื่องจากยังมีช่องโหว่หลายเรื่อง และการศึกษาที่รัฐบาลทำไว้ก็ยังทำได้ไม่ครบ แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลและวางเงื่อนไขในการเข้าไปเล่นพนัน แต่มันจะได้คุ้มเสียหรือไม่? เพราะแม้เมืองลาสเวกัสจะเลือกพื้นที่ทะเลทรายเป็นที่ตั้งบ่อนคาสิโน ดูแล้วเหมือนจะได้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีข้อเสีย นั่นคือ เกิดปัญหาการก่ออาชญากรรม มีการปล้น วิ่งราว ทะเลาะวิวาท ตามมา

ขณะที่ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. กล่าวว่า เรื่องบ่อนคาสิโนคงไม่มีใครมองเห็นภาพอนาคตได้ดีเท่ากับนักการเมืองบางคนย่านเตาปูน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจำเป็นต้องสร้างโครงการขึ้นมาเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ก็ควรจะทำให้มันจบในสภาผู้แทนราษฎร  ดึงเอาความร่วมมือของ สส.มาร่วมพิจารณาว่าจะเอาหรือไม่? ส่วนตัวมองว่าเมืองไทยจำเป็นจะต้องมีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ นอกเหนือจากพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่มีอยู่ โดยการต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งคงไม่ต่างจากนโยบายซอฟท์ พาวเวอร์ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของคาสิโนอาจต้องศึกษาในสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยหากรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าก็น่าจะทำได้ ไม่ต่างจากการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องเวลานานถึง 40 ปี

ในช่วงที่ 2, วิทยากรได้สรุปมุมมองเอาไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มจาก นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ที่ระบุว่า เท่าที่ตนฟังเพื่อนวิทยากรไม่มีใครคัดค้านเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่หากจะมีควรกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีความพร้อมและต้องการจริง ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือ จ.ชลบุรี และควรลดไซส์การลงทุนให้เล็กลง ที่สำคัญ รัฐบาลควรเป็นเจ้ามือเอง โดยศึกษาบทเรียนที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากกินแบ่งฯ ซึ่งคนไทยเชื่อมั่นในความเป็นเจ้ามือของหน่วยงานรัฐแห่งนี้ ขณะที่ นายกัณฑิล น่วมเจิม ระบุว่า การเดินหน้าจัดทำโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ จะต้องไม่มีการ 'ตีเช็คเปล่า' ให้กับฝ่ายบริหาร เพราะอาจกลายเป็นเปิดโอกาสให้มีการทุจริตในโครงการหรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ โดยหากเมืองไทยจะมีคาสิโน ต้องเป็นแบบที่สิงคโปร์มี ไม่ใช่แบบพม่าหรือกัมพูชา ส่วน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กล่าวเสริมว่า หากจำเป็นจะต้องมีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลควรเปิดให้มีการประมูลของกลุ่มทุนเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงควรลดขนาดลงทุนให้เหมาะสม ที่สำคัญจะต้องไม่มีการใช้ 'ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ' ส่วน นายศักดา แซ่เอียว ย้ำว่า ตนเห็นด้วยกับการสร้างรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย 

ในส่วนของการแสดงความเห็นของสื่อมวลชนที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมมองของ นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่ออาวุโสและผู้ดำเนินการข่าวเข้มประเด็นข้น เอฟเอ็ม 96.5 อสมท. กล่าวว่า ผู้ฟังรายการของตน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนได้สะท้อนความเห็นในเรื่องนี้มากมาย ส่วนตัวมี 2 ประเด็นที่จะนำเสนอ คือ 1.การมีส่วนร่วมของสังคมไทยต่อนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และ 2.ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งนี้ จากที่ตนได้ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะที่กัมพูชา พบว่ามีอาชีพใหม่เกิดขึ้นจากคาสิโน นั่นคือ การปล่อยเงินกู้ให้กับนักพนัน โดยหากมีกำไรจะต้องนำมาแบ่งกัน แต่หากเสียพนัน ผู้กู้จะต้องรับภาระการชำระคืนในภายหลัง ซึ่งรัฐบาลควรศึกษาทั้ง 2 ประเด็นนี้ให้ดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top