ปังมาก!! พีเค-พรรคกล้า จัดงาน “การเมืองสร้างสรรค์” สลายขั้วการเมือง คนแห่ร่วมงานเพียบ
พีเค-พรรคกล้า ลุยเปิด “ตลาดนัดสร้างสรรค์” ให้พื้นที่คนรุ่นใหม่ ครีเอทสินค้า มาวางจำหน่าย เริ่มต้นเดือนหน้าก่อนขยายผลทั่วประเทศ พร้อมต่อยอดเปิดย่านวัฒนธรรมไทยแห่งแรกที่ เยอรมัน ส่งออกศิลปะ วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก
เมื่อวันที่ (23 กรกฎาคม 2565) ที่ผ่านมา พีเค- นายพัสกร วรรณศิริกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พรรคกล้า เป็นเจ้าภาพจัด แคมเปญ 'Creative Politics For Creative Thailand' เป็นครั้งแรก โดยคนจากหลายวงการ อาทิ นักการเมือง นักธุรกิจ นักศึกษา คนในวงการบันเทิง ฯลฯ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และผลักดันการเมืองไทยไปสู่การเมืองสร้างสรรค์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายพัสกร กล่าวว่า การเมืองสร้างสรรค์ถืออีกก้าวของการเดินทาง สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และในฐานะที่ตนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ก็อยากเห็นประเทศไทยลดความตึงเครียดจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะการเมืองสร้างสรรค์เป็นทฤษฎีที่พยายามจะต่อสู้ความคิดแบบขาวดำเป็นอยู่ทุกวันนี้
“การเมืองสร้างสรรค์ในความคิดของผมก็คือ เรามาเลิกวัดกันได้แล้ว ว่าคนจะใส่เสื้อสีอะไร มาจากพรรคอะไร หรือ เขาถือธงอะไร เรามาวัดที่บุคคลดีกว่าว่าความคิดของเขาเป็นอย่างไร แล้วการกระทำของเขาสะท้อนอะไร พวกเราในฐานะ ส.ส. หรือผู้แทนของประชาชน ถ้ายังทะเลาะกันอยู่ เราจะคาดหวังให้ประชาชนที่เราเป็นตัวแทนอยู่ร่วมมือกันได้อย่างไร เชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคคือผู้แทนของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเรามองแค่พรรคเดียวมันจะต่างอะไรกับเผด็จการ ทุกพรรคการเมืองมีหน้าที่ไม่เหมือนกันและเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางความคิดของคนไทย บางพรรคขับเคลื่อนเรื่องรัฐสวัสดิการ บางพรรคต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม บางพรรคเน้นเรื่องศาสนา บางพรรคทำเรื่องเศรษกิจ แต่ละพรรคมีความคิดเห็นและมุมมองต่างกันในการจัดลำดับ ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว การคิดต่างไม่ได้แปลว่าเขาผิดหรือเลวร้าย เพียงแต่เขาอาจแค่คิดว่าบางอย่างควรรอและบางอย่างควรมาก่อนแค่นั้น” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พรรคกล้า กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายวงการ ทั้งจากพรรคการเมือง นักธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ คนในวงการบันเทิง ศิลปะ นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมครอบครัว รวมถึงคนที่เดินผ่านมา ก็เข้าร่วมแบบหน้างาน เนื่องจากเห็นว่าเป็นแคมเปญที่น่าสนใจ จากนั้นทุกคนได้ประชุมแลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเห็น จากประสบการณ์ส่วนตัว โดยสิ่งคนส่วนใหญ่อยากเห็นคือ ความเปลี่ยนแปลง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และมีพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และปลดล็อคการทำธุรกิจสร้างสรรค์ ศิลปะ วัฒนธรรมร่วมสมัย
