Sunday, 20 April 2025
กัณวีร์สืบแสง

‘ศรีสุวรรณ’ บุก กกต. จี้สอบ ‘กัณวีร์-พรรคเป็นธรรม’ ปมใช้นามสกุลตระกูลดังแอบอ้างหาเสียงหรือไม่

วันที่ (12 มิ.ย. 66) ที่สำนักงานการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้ กกต.ตรวจสอบการหาเสียงของนายกัณวีร์ สืบแสง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเป็นธรรม ที่ปรากฎเป็นการทั่วไปในการหาเสียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้และในสื่อต่างๆว่าเป็นหลานปู่ของ นพ.สืบแสง หรือ ‘ขุนเจริญวรเวช’ อดีต ส.ส. ปัตตานี 3 สมัย ช่วงก่อนและหลังปี พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นตระกูลที่สร้างคุณงามความดีให้กับชาวปัตตานีมาอย่างยาวนาน โดยที่ตระกูลดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ในทางเครือญาติหรือสายโลหิตกับนายกัณวีร์แต่อย่างใด เพียงแต่มีนามสกุลพ้องกันเท่านั้น

ทั้งนี้ นพ. เจริญ สืบแสง เคยรับราชการในกรมสาธารณสุข เป็นแพทย์หลวงประจำจังหวัดปัตตานี และยังเปิดคลินิกรับรักษาให้ประชาชนทั่วไปในรูปแบบรักษาให้ฟรีสำหรับผู้คนที่ขาดแคลนส่วนงานด้านการเมืองนั้น เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลจังหวัดปัตตานี เคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี เคยเป็นประธานสภาเทศบาลจังหวัดปัตตานี และยังเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานีถึง 3 สมัย อีกด้วย

นอกจากนั้น ยังเคยเป็นประธานกรรมการสันติภาพแห่งประเทศไทย และเคยเรียกร้องสันติภาพ ด้วยการคัดค้านสงครามรุกรานเกาหลี ต่อมาปรากฎว่าถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “กบฏสันติภาพ” ส่วนน้องชายคือนายจรูญ สืบแสง เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะราษฎรสายพลเรือนที่มีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นแกนนำ เคยรับราชการในตำแหน่งด้านการเกษตร กรมเพาะปลูก กระทรวงเกษตราธิการ เคยเป็นอธิบดี กรมศุลกากร อธิบดี กรมชลประทาน และยังได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปัตตานีอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าตระกูลสืบแสงนั้น มีคุณงามความดี และมีผลงานที่สร้างชื่อคุณูปการต่อชาวปัตตานีมาอย่างต่อเนื่องทั้งในงานทางด้านสังคม การแพทย์ และการเมือง จึงเป็นที่เคารพรักใคร่กันของพี่น้องประชาชนชาวปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียงมาโดยตลอดและอย่างยาวนาน เพราะถือว่าเป็นตระกูลนักการเมืองที่เคยมีบทบาทสำคัญ และมีคณูปการอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะสังคมในพื้นที่ปาตานี/จังหวัดชายแดนใต้

แต่ทว่านายกัณวีร์กลับใช้กลยุทธ์ในช่วงหาเสียงโดยการกล่าวอ้างว่า นพ.เจริญ สืบแสง เป็นปู่ เป็นบรรพบุรุษ เป็นต้นตระกูลของตนเอง เป็นรุ่นปู่ รุ่นหลาน ตนเองเป็นหลาน หรือมีศักดิ์เป็นหลาน เป็นผู้สืบเชื้อสาย นับศักดิ์เป็นญาติ ปู่เป็นญาติรุ่นเดียวกัน ฯลฯ ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงนั้น ไม่ได้มีส่วนใดในเชิงเครือญาติที่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง แม้ภายหลังถูกเครือญาติของ นพ.สืบแสงออกมาเปิดโปง ก็เพียงแต่ออกมาโพสต์ขอโทษในเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้วเท่านั้น การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตาม ม.73 (5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 หรือไม่ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นชี้เบาะแสให้ กกต. ตรวจสอบในวันนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าว

 

สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กกรณีให้ผลักดันผู้ลี้ภัยเป็นแรงงานถูกกฎหมาย

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เนื้อหาบนเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 ระบุว่า เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ให้ผู้ลี้ภัยเป็นแรงงานถูกกฎหมาย ไทยไม่ต้องเสียงบประมาณในการดูแล ให้พวกเขาได้ทำงานจ่ายภาษีร่วมพัฒนาประเทศได้

วันนี้ผมได้ขอหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ทรัมป์ 2.0 ด้านความหลากหลายความเท่าเทียมและผสมกลมกลืน ซึ่งนโยบายนี้กระทบค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่งที่อยู่ในประเทศไทย จากการเปลี่ยนนโยบายทำให้เงินบริจาคไปยังต่างประเทศถูกระงับลง โดยรัฐบาลทรัมป์ที่บริจาคให้องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศในค่ายผู้ลี้ภัยได้ถูกระงับลง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล

ผลกระทบจะหนักกว่านี้ เพราะในไทยเรามี 9 แห่ง เราเห็นว่าเป็นผู้ลี้ภัยสัญชาติเมียนมาก็จริง แต่ถ้าหนักกว่านี้หากการช่วยเหลือถูกตัดลง จะทำให้คนกว่า 80,000 คน ต้องออกมาข้างนอกและกระทบต่อประชาชนคนไทย

อยากให้นึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่พวกเขาต้องแบมือขอมากว่า 40 กว่า รอเงินบริจาคต่างๆ ดังนั้นไทยเราต้องเปลี่ยนแปลง ถือโอกาสตรงนี้ทำให้เราสามารถทำให้งานมนุษยธรรม ยืนด้วยขาตัวเองได้

ผมจึงขอให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงนโยบายในการดูแลผู้ลี้ภัย การดูแลค่ายผู้ลี้ภัยทั้งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4 แห่ง จังหวัดตาก 3 แห่ง จังหวัดราชบุรี 1 แห่ง และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องใช้ พ.ร.บ.เข้าเมือง มาตรา 17 ให้ผู้ลี้ภัยสามารถทำงานได้และอยู่ในไทยได้ชั่วคราว

และขอหารือไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อจะประกาศกฎกระทรวงออกมาให้ผู้ลี้ภัยทำงานได้ในไทยจนกว่าจะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ถ้าเขาทำงานได้จะทำเงินภาษีให้ไทย ร่วมพัฒนาประเทศไทย และเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ด้วยตัวเขาเอง ไม่เป็นภาระ ต้องเปลี่ยนภาระให้เป็นพลังให้ได้ ทำให้ไทยเรามีบทบาทที่ดีในเวทีระหว่างประเทศได้

‘กัณวีร์’ โชว์จดหมายชาวอุยกูร์ ยันเป็นฉบับจริง จี้ รัฐบาลเปิดหลักฐานชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจีนจริงหรือไม่?

‘กัณวีร์’ เปิดจดหมาย ‘อุยกูร์’ โชว์สื่อ แจงตราประทับเป็นลายน้ำ ไม่ใช่ตราปั๊ม ขออย่าหลงประเด็น สิ่งสำคัญคือ ‘ชาวอุยกูร์’ อยากกลับจีนจริงหรือไม่ ชี้ไม่เกี่ยวกันหลัง ‘ภูมิธรรม’ บอกช่วยลดเหตุการณ์รุนแรง

(4 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงกรณีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ขอหนังสือชี้แจงหลังเปิดเผยจดหมายที่อ้างว่าได้จากชาวอุยกูร์ โดยกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่ใช่หนังสือร้องเรียนจากกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัว และเป็นหนังสือร้องเรียนปลอม ว่า  ตนไม่อยากให้หลงประเด็นการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นประเด็นที่ใหญ่กว่าว่าจดหมายร้องเรียนจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่จำเป็นคือคำตอบจากรัฐบาลไทยว่าชาวอุยกูร์เหล่านั้นสมัครใจกลับ จริงหรือไม่ และอยากถามกลับว่าไม่มีประเทศอื่นจะรับตัวคนเหล่านี้ไปตั้งถิ่นฐานเลยหรือ

นายกัณวีร์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่อยากออกมาแถลง แต่สังคมแคลงใจว่าเป็นจดหมายจริง หรือจดหมายปลอม ซึ่งมันไม่ใช่สารัตถะสำคัญ เรื่องสำคัญคือการที่ผู้ลี้ภัยอยู่ในห้องกักขังมา 11 ปีแล้ว จนกระทั่ง 27 ก.พ. 68 ที่มีการส่งตัวกลับประเทศต้นทาง

ระหว่างแถลงนายกัณวีร์ ได้เปิดจดหมายโชว์ให้สื่อมวลชนดูว่าตราสัญลักษณ์มุมล่างขวาของกระดาษไม่ใช่ตราปั๊ม แต่เป็นลายน้ำจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกระดาษแผ่นนี้สามารถหาได้จากกรมราชทัณฑ์ มีขายในราคาแผ่นละ 1 บาท

“ผมไม่เคยพูดว่าจดหมายฉบับนี้ออกมาอย่างถูกระเบียบจากรมราชทัณฑ์ แต่บอกว่าได้รับมาจากผู้ต้องกักที่ สตม.สวนพลู ซึ่งผมได้ตั้งข้อสังเกตว่าการผลักดันชาวอุยกูร์ครั้งนี้ เป็นการพูดคุยกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อีกทั้งช่วงเวลานี้ เป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวกเขาถูกกักขังลืมเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำไมเราไม่เคยได้ยินว่า ผู้ต้องกักมีความสมัครใจมากน้อยแค่ไหนว่า เขาต้องการกลับบ้าน จนปลายเดือน ก.พ. ที่รัฐบาลบอกว่า ทุกคนสมัครใจกลับ ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ในฐานะตนเป็น สส.พยายามจะสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ หากรัฐบาลมีหลักฐานใด ที่ระบุได้ว่า ชาวอุยกูร์เหล่านี้สมัครใจจะกลับประเทศจีนจริง ขอให้เอาออกมาแสดงให้สังคมและเวทีระหว่างประเทศ มั่นใจว่า เราไม่มีการผลักดันคนเข้าสู่หลักประหารอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยต้องรับแรงปะทะในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าถูกถาม เราจะตอบได้หรือไม่ ส่วนในมุมความชอบธรรม ตนมองว่านี่เป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่ต้น

เปิดเอกสารบันทึกประชุม กมธ. กฎหมาย ฉบับจริง ยืนยัน ไม่พบข้อความบางประเทศพร้อมรับตัวอุยกูร์

(6 มี.ค. 68) จากกรณีนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้อ้างการจดชวเลขการประชุม กมธ.กฎหมายเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ซึ่งผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวในไทยว่า มีบางประเทศแสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐ สวีเดน ออสเตรเลีย

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร ได้โพสต์เอกสารบันทึกการประชุม กมธ.กฎหมายฯ โดยระบุว่า ทุกคนคะ บันทึกการประชุมครั้งที่ 24 วันที่ 10 ก.ค. 67 กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ฉบับจริงที่มีลายน้ำและเผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐสภา ไม่พบข้อความหรือเอกสารที่ทาง สส.กัณวีร์ และ ช่อ พรรณิการ์ อ้างถึงว่า "บางประเทศก็แสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐ สวีเดน ออสเตรเลีย"

จึงขอถามกับไปที่พี่ทั้ง 2 ว่า เอกสารที่เอามาโชว์คือเอกสารอะไร ทำไมไม่มีตราประทับ และ ทำไมเนื้อหาต่างจากเอกสารฉบับจริง

ลิงก์ฉบับจริง https://www.parliament.go.th/.../105/news/114/1_114.pdf


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top