Wednesday, 23 April 2025
กสม

กสม. ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย กะเทาะ '1 ปี พ.ร.บ. ซ้อมทรมานฯ ข้อท้าทายและความคาดหวัง'

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้อง Conference Room สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับ สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมเพื่อการป้องกันการทรมาน (APT) และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) จัดการเสวนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โครงการขับเคลื่อนนโยบาย กสม. ประเด็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรม หัวข้อ “1 ปี พ.ร.บ. ซ้อมทรมานฯ ข้อท้าทายและความคาดหวัง” 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมและหน่วยงานของรัฐ ในการขับเคลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 

ในการนี้ นางสาวพรประไพ  กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพิทักษ์พล  บุณยมาลิก เลขาธิการ กสม. นายชนินทร์  เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. ผู้บริหารสำนักงาน กสม. นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) รุ่นที่ 1-2-3  สถาบันพระปกเกล้า ข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย 

สำหรับกิจกรรมช่วงเช้า มีการกล่าวเปิดการเสวนาโดย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด จากนั้น มีการเสวนาหัวข้อ “1 ปี กับการบังคับใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมาน ฯ ” โดยวิทยากรประกอบด้วย (1) นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด (2) นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง (3) พ.ต.อ.วีร์พล ใหญ่อรุณ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (4) นางสาวนรีลักษณ์  แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และ (5) นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินรายการโดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ต่อมามีการเสวนาหัวข้อ “ข้อท้าทายและความคาดหวังต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย” โดย (1) นายสมชาย หอมลออ ทนายความและผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิมนุษยชน (2) นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (3) หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด และ (4) นางสาวนริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ (ผู้เสียหายจากคดีทรมาน กรณีพลทหารวิเชียร เผือกสม) ดำเนินรายการ โดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ช่วงบ่าย มีการกล่าวสุนทรพจน์ภาคภาษาอังกฤษ โดยเยาวชนผู้ชนะการประกวดโครงการ Safe in Custody และการเสวนาวิชาการหัวข้อ “ก้าวต่อไปกับการป้องกันการทรมาน” ซึ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับ (1) สิ่งที่อยากเห็นและความคาดหวังต่อการป้องกันการทรมาน โดย นายอัรฟาน ดอเลาะ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย (2) สะท้อนปัญหาการซ้อมทรมาน : สู่แนวทางการป้องกัน โดย นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ  มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (3) การเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (OPCAT) : ประโยชน์และข้อท้าทาย โดย ผศ.ดร. รณกรณ์ บุญมี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (4) กสม. กับงานด้านการตรวจเยี่ยมและทิศทางในอนาคต โดย นายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. ดำเนินรายการ โดย นายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม.

ปมกล่าวหาส่งกลุ่มต้านกลับไปถูกฆ่า ยันมีเสรีภาพนับถือศาสนา พร้อมย้ำชัด การรื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่เป็นจริง

สถานทูตจีน สวนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โกหกใส่ร้ายจีนรื้ออัลกุรอาน-ฆ่ากลุ่มต้านลั่นพลเมืองมีเสรีภาพนับถือศาสนา กล่าวหารื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่จริง

เมื่อวันที่ (1 ก.พ. 68) เพจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese embassy in Bangkok) ได้โพสต์ถึงกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ได้มีการพาดพิงถึงประเทศจีน มีเนื้อหาดังนี้

คำกล่าวของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

ตามรายงานของสื่อไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ได้มีคำกล่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาในซินเจียงของจีน และการส่งผู้ที่เข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมายกลับประเทศจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจึงต้องคัดค้านอย่างหนักและแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้:

1. “ทางประเทศเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน” “พลเมืองจีนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา” และ “ทางประเทศปกป้องกิจกรรมทางศาสนาตามปกติ” สิ่งเหล่านี้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจีนและเป็นนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย เสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวมุสลิมในซินเจียงของจีนได้รับการรับประกันอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่า “ปัจจุบันรัฐบาลจีนรื้ออัลกุรอานและภาษาอาหรับออกทั้งหมด” นั้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเด็ดขาด

2. เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีพลเมืองจีนบางส่วนถูกยุยงและหลอกลวงโดยกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนในต่างชาติ และลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ถูกส่งกลับประเทศจีนนั้นได้รับการจัดการตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมายของพวกเขา ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างสมบูรณ์ และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้กลับคืนสู่สังคม และดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขา เชื่อว่าถูกฆ่าตายไปแล้วทั้งหมด” เป็นการกลับเท็จเป็นจริง ปั้นน้ำเป็นตัว และเป็นคำโกหกอันชั่วร้ายและน่าอับอาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top