ปากีสถานใช้เทคโนโลยีจีน พลิกเกมรบทางอากาศ Rafale 250 ล้าน ร่วงกลางฟ้า พ่าย J-10CE เละเทะ
(21 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ โพสต์ข้อความระบุว่า …
หนังสือพิมพ์ International News ของปากีสถานรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ.2025ว่า กองทัพอากาศปากีสถานใช้ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่น PL-15E ในการรบทางอากาศเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 7 พฤษภาคม โดยมีระยะยิงสูงสุดถึง 98 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 181 กิโลเมตร และในระยะยิงนี้ ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ PL-15E ได้ยิงเครื่องบินรบดาโซท์ ราฟาล (Dassault Rafale) เครื่องบินรบชั้นสุดยอดของฝรั่งเศสตก
ซึ่งหมายความว่า เครื่องบินรบ J-10CE(歼J-10CE) และขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่น PL-15E ที่ผลิตโดยจีน ได้ผนึกกำลังสร้างสถิติการโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางที่มีระยะยิงไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์จนถึงปัจจุบัน
การสู้รบทางอากาศระหว่างปากีสถานกับอินเดียในวันที่ 7 พฤษภาคม นับเป็นเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยของจีนที่สามารถพิชิตเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยของตะวันตก
ปากีสถานใช้เครื่องบินรบ J-10CE ของจีนเป็นหลัก อินเดียใช้เครื่องบินรบระดับสุดยอดของยุโรป อาทิ เครื่องบินรบดาโซท์ ราฟาลของฝรั่งเศส
สิ่งที่น่าทึ่งคือ นี่เป็นการประลองระหว่างเครื่องบินรบอันดับที่ 6 ของจีนกับเครื่องบินรบระดับสุดยอดของยุโรป ผลคือ 0 ต่อ 6 เครื่องบินรบของจีนไม่มีความสูญเสีย ส่วนเครื่องบินรบของยุโรปถูกยิงตก 6 ลำ ในแวดวงทหารอากาศจีนเรียกขาน J-10c ว่า 'เสี่ยวลิ่ว' (小六) แปลว่าน้องชายคนที่ 6 ความหมายคือจัดอยู่อันดับ 6 ของครอบครัวเครื่องบินรบทันสมัยของจีน
J-10c ติดตั้ง 'Active phased array radar' เรดาร์ทันสมัยที่สุดของโลก และติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ PL-15E ฉบับส่งออก ระยะยิงไกลสุด 200 กิโลเมตร ไกลกว่าระยะยิงไกลของขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของเครื่องบินรบดาโซท์ ราฟาลหลายสิบกิโลเมตร
J-10CE (ฉบับส่งออก) ขายราคาลำละ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐ
เครื่องบินรบดาโซท์ ราฟาลที่อินเดียซื้อจากฝรั่งเศสนั้น ราคาลำละประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ทางการปากีสถานแถลงข่าวว่า ปากีสถานใช้เครื่องบินรบ J-10CE ยิงเครื่องบินรบระดับสุดยอดของยุโรปที่อินเดียนำเข้าตก 6 ลำด้วยกัน คือ เครื่องบินรบดาโซท์ ราฟาล (Rafale)ของฝรั่งเศส 3 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-30MKI ของรัสเซีย 1 ลำ เครื่องบินรบ MiG-29 ของรัสเซีย 1 ลำ และโดรน Heron ของอิสราเอล 1 ลำ
ปัจจัยสำคัญที่เครื่องบินรบ J-10CE สามารถเผด็จศึกได้ก็คือ จีนสร้างระบบการสู้รบทางอากาศที่ล้ำสมัย และกำลังพิชิตรูปแบบการต่อสู้ทางอากาศของตะวันตก
เมื่อเรดาร์ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของปากีสถานตรวจพบเครื่องบินรบของอินเดียก็ล็อกเป้าหมายไว้ แต่ไม่ได้ยิงขีปนาวุธ เพียงแชร์ข้อมูลให้กับเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศรุ่น ZDK-03 เมื่อ J-10CE ได้รับการแจ้งเตือนจาก ZDK-03 (ว่าได้พบเครื่องบินรบของอินเดียลำที่มีปฏิกิริยาจะยิงขีปนาวุธใส่ปากีสถาน) ก็จะยิงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ PL-15E ที่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ 2 เครื่อง โดยจะเปิดเครื่องยนต์หนึ่งเครื่องก่อน เพื่อบินขึ้นจุดสูงของท้องฟ้า แล้วปิดเรดาร์บินอย่างเงียบๆ โดยมีดาวเทียมนำร่องเป่ยโต่วช่วยนำทาง เรดาร์ของฝ่ายอินเดียจะไม่สามารถตรวจจับได้ เมื่อ PL-15E บินใกล้ถึงเป้าหมายประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะเปิดเครื่องยนต์เครื่องที่สอง เพิ่มความเร็ววิ่งสู่เป้าหมายด้วยความเร็วที่เป็น 4 เท่าของความเร็วเสียง
นักขับเครื่องบินรบของอินเดียยังไม่ทันได้เห็นอะไรเลย และรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นปกติ ก็ถูกยิงตก เพราะเมื่อเรดาร์พบขีปนาวุธ PL-15E ก็มีเวลาเหลือน้อยมากทีเดียว และมีทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวคือ กระโดดร่มทันทีเพื่อเอาชีวิตรอด
นี่เป็นการสู้รบทางอากาศที่สายตาของเราไม่อาจจับจ้องได้หรือระยะไกล ที่ต่างจากหนังฮอลลีวู้ด ที่เครื่องบินรบต้องสู้รบกันอย่างดุเดือดในระยะประชิด น่าดู แต่ล้าสมัยแล้ว
อาวุธยุโรปกรณ์ทันสมัยของปากีสถานดังเหล่าล้วนผลิตโดยจีน ปากีสถานนำเข้าจากจีน และเรียนรู้ประสบการณ์จากการซ้อมรบร่วมกับจีน
แล้วการสู้รบทางอากาศดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของอาวุธเอเชียต่ออาวุธของยุโรปและตะวันตกครั้งแรกหลังสงครามฝิ่นเป็นต้นมา
หลังการสู้รบทางอากาศครั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิต J-10CE ที่เมืองเฉิงตูพุ่งสูงขึ้นกว่า 60% ภายใน 1 สัปดาห์