บทเรียนราคาแพง จากไฟดับ ในทวีปยุโรป ไม่มีแสง ไร้สัญญาณอินเทอร์เน็ต ‘วิทยุ’ ที่เคยถูกมองว่าล้าสมัย!! กลับกลายเป็น ‘สิ่งจำเป็นในยามวิกฤต’
(3 พ.ค. 68) ในค่ำคืนที่ไฟฟ้าทั้งระบบดับลงพร้อมกันทั่วกรุงมาดริดและหลายเมืองใหญ่ในสเปนและโปรตุเกส—ไม่มีแสง ไม่มีสัญญาณ ไม่มีอินเทอร์เน็ต—สิ่งที่กลับถูกถามหามากที่สุดไม่ใช่โทรศัพท์รุ่นใหม่ ไม่ใช่แท็บเล็ต แต่คือ วิทยุ
“ยังมีวิทยุเหลือไหม?” เป็นคำถามที่ร้านขายของชำเล็ก ๆ ในมาดริดได้ยินถี่ที่สุดในช่วงไฟดับ ผู้คนพากันต่อคิวถามหาไฟฉาย แบตเตอรี่ เทียนไข และวิทยุทรานซิสเตอร์ ราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนสมาร์ตโฟน
เรเยส พาแตร์นา แม่ลูกสองที่กำลังพาลูกกลับบ้านบอกว่า “ไม่มีอะไรใช้ได้เลย โทรศัพท์ก็เงียบ เรายังมีของใช้เด็กนิดหน่อย แต่ไม่รู้จะหาข่าวจากไหน เรามีเตาแคมป์ก็จริง แต่ไม่แน่ใจว่ากระป๋องแก๊สจะยังเหลือไหม”
บนถนนสายหนึ่งในย่านชุมชน คนขับรถจอดรถ เปิดกระจกรถ แล้วเปิดวิทยุดัง ๆ ให้คนอื่นมารวมตัวฟังข่าวด้วยกัน บางคนเอาเก้าอี้มานั่งฟัง สร้าง 'ชุมชนคลื่นเสียง' ขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
มาเรีย รามิเรซ นักข่าวจาก elDiario.es ซึ่งรายงานเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า “สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดไม่ใช่แค่การฟื้นฟูไฟฟ้าใน 12 ชั่วโมง แต่คือความสงบและสามัญสำนึกของประชาชน—กับวิทยุเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่ออีกครั้ง”
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ในภาวะสงบนิ่งเช่นนั้น แท็กซี่ตะโกนว่า “รับเฉพาะเงินสด!” และมีคนบางกลุ่มแซงคิวหญิงตั้งครรภ์ขึ้นรถ บ่งชี้ว่าเมื่อระบบล่ม ความเป็นระเบียบก็อาจล่มสลายตาม
มานูเอล ปาสเตอร์ วัย 72 ปี ส่ายหัวพลางลากรถเข็นใส่อาหารกระป๋องกลับบ้าน “เราหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาภายในวันสองวัน ถ้าเกินกว่านั้นคนจะเริ่มตื่นตระหนก แล้วจะเกิดเรื่องเหมือนตอนโควิดอีก”
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำข้อเท็จจริงอันเจ็บปวดว่า แม้ในโลกที่ก้าวหน้าที่สุด หากไร้ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทุกสิ่งอาจหยุดชะงัก และสิ่งที่คนเคยหัวเราะเยาะว่า "ล้าสมัย" อย่างวิทยุ กลับกลายเป็นของมีค่าเหนือเทคโนโลยีใด ๆ
มันไม่ใช่แค่เครื่องส่งสัญญาณเสียง แต่มันคือสื่อกลางของความหวัง ความมั่นใจ และการเชื่อมโยงมนุษย์ในยามที่โลกดิจิทัลพังลง
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะกลับไปมองสิ่งพื้นฐานด้วยความเคารพ ไม่ใช่เหยียดว่า “เชย”
เพราะในวันที่โลกไร้แสง สิ่งเดียวที่อาจยังพาเรากลับมาหากันได้ คือเสียงจากวิทยุเครื่องเก่า
เรื่อง : ปราชญ์ สามสี