มาตรการภาษีใหม่ของ ‘ทรัมป์’ อาจทำ GDP โลกหดตัว 7 แสนล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนสหรัฐฯ เสี่ยงเจ็บหนักสุดจากต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น

(2 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า มีการคาดการณ์ว่ามาตรการภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตรียมประกาศในวันนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก หากมีการบังคับใช้ทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์เตือนสหรัฐฯ เองอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากต้นทุนสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น

ตามการรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดกับทำเนียบขาว มาตรการภาษีดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่การปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า การดำเนินมาตรการนี้อาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก

“การขึ้นภาษีศุลกากรจะทำให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ และอาจกระทบไปถึงผู้บริโภคในที่สุด” ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์จากวอชิงตันกล่าว

โดยภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จะมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก สถาบันเศรษฐกิจกำลังพัฒนาแห่งองค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ประเมินว่าภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันทั่วโลก รวมถึงภาษีรถยนต์และภาษีสินค้าจีนที่เรียกเก็บก่อนหน้านี้ 20% จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโลกลดลง 0.6% ในปี 2027

การลดลงดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าถึง 763 พันล้านดอลลาร์ (ราว 26.06 ล้านล้านบาท) โดยอ้างอิงจากการคาดการณ์ GDP โลกในปี 2027 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ 127 ล้านล้านดอลลาร์

สำหรับสหรัฐฯ นั้นคาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดย JETRO ประเมินว่า GDP ของประเทศจะลดลงถึง 2.7% ภายในปี 2027 นักวิเคราะห์ชี้ว่าต้นทุนสินค้านำเข้าที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีน ซึ่งอาจทำให้กำไรของธุรกิจในสหรัฐฯ ลดลง

หลายประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ อาจตอบโต้ด้วยการกำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับภาคการค้าระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์เตือนว่าหากเกิดสงครามการค้าครั้งใหญ่ขึ้น เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะยาว

ขณะเดียวกัน ผู้นำในภาคธุรกิจของสหรัฐฯ หลายคนได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายนี้ โดยระบุว่า การขึ้นภาษีศุลกากรอาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจในตลาดโลก

ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวถึงมาตรการภาษีดังกล่าวว่าเป็น “วันปลดปล่อย” โดยระบุว่าสหรัฐฯ จะหยุดยั้งไม่ให้ประเทศอื่น ๆ “แย่งงานของเรา แย่งทรัพย์สินของเรา และแย่งสิ่งของต่าง ๆ มากมายที่พวกเขาเคยแย่งกันมาตลอดหลายปี” 

ทั้งนี้ ทรัมป์และทีมที่ปรึกษาของเขาอ้างว่าการนำภาษีศุลกากรแบบตอบแทนมาใช้ จะช่วยให้สามารถแทนที่ภาษีเงินได้ด้วยภาษีนำเข้าเป็นแหล่งรายได้หลัก

ขณะที่ ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการค้าและการผลิตของทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ภาษีศุลกากรใหม่ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงภาษีศุลกากรแบบตอบแทน จะสามารถสร้างรายได้ถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า

ทั้งนี้ ต้องรอดูว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศรายละเอียดของมาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าวในลักษณะใด และจะมีการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงหรือไม่