ธุรกิจอเมริกันกระทบแน่หากแบน TikTok จับตาซีอีโอดีลทรัมป์ขอขยายแบนอีก 90 วัน
(17 ม.ค.68) ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนว่า วันที่ 19 มกราคมนี้ ชี้ชะตาอนาคตแพลตฟอร์ม TikTok ในสหรัฐว่าจะถูกแบนหรือไม่ แต่ภายในองค์กรของ TikTok ที่สหรัฐเองก็ออกจดหมายเวียนเป็นการภายใน แจ้งข่าวต่อพนักงานว่าบริษัทมีแผนดำเนินการต่อไปอย่างปกติแม้จะมีความไม่แน่นอนจากการพิจารณาคดีของศาลสหรัฐฯ
TikTok ระบุต่อพนักงานเป็นการภายในว่า บริษัทจะยังคงดำเนินงานต่อไปในตอนนี้ตามปกติ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแอปก็ตาม ย้ำว่ากฎหมายนี้มีผลเฉพาะส่วนการใช้งานแอปของคนอเมริกา แต่ไม่มีผลกับการทำงานของพนักงานของ TikTok
หากการแบนในวันที่ 19 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาให้บริการในไม่ช้า เนื่องจากนาย Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok เป็นหนึ่งในบรรดาแขกวีไอพีที่เข้าร่วมงานพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่านาย Shou Zi Chew ได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ในประเด็นนี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
การแบน TikTok กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เนื่องจากจะมีผลกระทบกับผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคน ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เริ่มหันไปมองหาแอปทางเลือก โดยแอปที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือ RedNote (Xiaohongshu) ซึ่งกำลังเป็นกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ รวมถึงการเติบโตของแอปเรียนภาษาจีนอย่าง Duolingo ที่เพิ่มขึ้นกว่า 200%
อย่างไรก็ตาม การแบน TikTok อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจขนาดเล็กและการทำการตลาดในอเมริกาเช่นกัน
ด้านสำนักข่าว AP ระบุว่าผลกระทบจากการแบน TikTok อาจส่งผลต่อธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ โดย TikTok ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการโปรโมทธุรกิจให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เช่น Desiree Hill เจ้าของธุรกิจซ่อมรถ Crown’s Corner Mechanic ในจอร์เจีย ที่สามารถขยายธุรกิจจากการใช้ TikTok และสร้างงานเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
รายงานจาก Oxford Economics ระบุว่า TikTok ส่งผลต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยสนับสนุนการจ้างงานกว่า 224,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้จากภาษีสูงถึง 5.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023
นอกจากการทำมาร์เก็ตติ้งแล้ว TikTok ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ได้สร้างโอกาสในการสร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์ และผู้สร้างคอนเทนต์หลายล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแบนนี้ เช่น Joanne Molinaro และ Eli Rallo ที่พึ่งพา TikTok ในการสร้างชื่อเสียงและรายได้
ขณะเดียวกันหากเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นแล้ว แม้ว่า Instagram และ YouTube จะพยายามเลียนแบบฟีเจอร์ของ TikTok เช่น Reels และ Shorts แต่ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับ TikTok ซึ่งมีอัลกอริธึมที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจได้เสมอ นอกจากนี้ TikTok ยังส่งเสริมการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเหมือนแอปอื่น ๆ
การแบน TikTok จึงไม่ใช่แค่การลบแอปออกไป แต่เป็นการตัดโอกาสทางธุรกิจและการสร้างชื่อเสียงของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างตัวตนและทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้ด้วยเช่นกัน