‘พีระพันธุ์’ กับปรากฏการณ์ ‘พีระ...พัง’ บทพิสูจน์ผลงาน...เหนือการเมือง!!

(6 ม.ค. 68) ปี 2567 ต้องยอมรับว่าฉายาที่ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาลจัดให้กับนักการเมืองเมื่อ 23 ธ.ค.นั้นแสบสันต์ไม่น้อย..โดยเฉพาะคนการเมืองจากพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)..

พีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค  รองนายกฯและรมว.พลังงาน ได้ฉายา “พีระ..พัง..” /เอกณัฐ  พร้อมพันธ์  รมว.อุตสาหกรรม  ได้ฉายา ”รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ” และ สุรชาติ  ชมกลิ่น  รมช.พาณิชย์  ติด1ใน 3 รมต.โลกลืม..

แต่ไม่น่าเชื่อเพียง 1-2 ชั่วโมงหลังวิกฤติจากฉายาร้อนฉายาร้ายนี้สะพัดในโซเชียลมีเดีย  พรรค รทสช. ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยฉับพลันด้วยการ  ทำแบนเนอร์ผ่านเพจพรรค..

“พีระ..พัง...การผูกขาด
พีระ..พัง..ระบบที่เน่าเฟะ
พีระ..พัง..การโกงกินทุกรูปแบบ
#ฉายารัฐบาล67”
และอีกดอก..
“#รทสช.ไม่ใช่แค่พีระพัง..
เอกณัฐ ก็พร้อม “พัง” กากพิษ
ธุรกิจสีเทา สินค้าห่วยข้ามชาติให้หมดสิ้น
#รทสช...พัง..ให้ทุกปัญหา”

ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าคนที่ครีเอทพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เฉียบคมเช่นนี้..สุดยอด  แต่มองให้ลึกแล้วที่สุดยอดยิ่งกว่าก็คือสิ่งที่เรียกว่า “ต้นทุน” ทั้งต้นทุนของพรรคที่มี DNAลุงตู่  ต้นทุนคนชื่อพีระพันธุ์ ชื่อเอกณัฐ..และมวลสมาชิก..

โดยเฉพาะกรณี “พีระพันธุ์” นั้นต้องโฟกัสเป็นพิเศษว่า..ตลอดปีเศษที่ผ่านมาสื่อมวลชนขาใหญ่จำนวนไม่น้อยทำนายทายทักกันว่า  น่าจะต้องจอดป้ายในไม่นานเพราะการชักธงปฏิรูปพลังงานของเขาทำให้หลายฝ่ายเสียประโยชน์..ยิ่งกว่านั้นยังคาดหมายกันว่า  พรรครทสช.เองก็อาจจะถูก “พลังประชารัฐโมเดล” แยกสลาย...

โดยมีพรรคใหม่ที่จะเป็นพรรคสำรองแบบ “กล้าธรรม” คือพรรคโอกาสใหม่..ได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านั้นภาพเมื่อ 22 ธ.ค.ที่สนามกอล์ฟ Stonehill Golf Couse ของเจ้าสัวพลังงาน ”สารัชต์ รัตนวดี” นั้น ทักษิณ  ชินวัตร,อนุทิน  ชาญวีรกูล,คงพระพัน  อินทรแจ้ง ซีอีโอ ปตท.และสารัชต์  ออกรอบเล่นกอล์ฟด้วยกันด้วยความชื่นมื่นรื่นรมย์ ยิ่งตอกย้ำกระแสข่าวความเชื่อว่าพีระพันธุ์จะต้องจอดป้ายเกิดขึ้นแน่

แต่ท่ามกลางกระแสข่าวดังกล่าว  วันที่ 25 ธ.ค.พีระพันธุ์นำทีมรทสช.แถลงข่าวปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป  พร้อมเสนอร่างกฎหมายของพรรคเข้าสภา

ข้ามมาปีใหม่  4 ม.ค.2568 พีระพันธุ์โพสต์ในเฟซบุ๊ก  สรุปการทำงานในรอบปี 2567และสิ่งที่จะทำในปี 2568 อย่างเป็นรูปธรรมที่อ่านแล้วเห็นภาพสัมผัสได้..แต่ไฮไลท์ที่ต้องขีดเส้นใต้สิบเส้นคือ..

“เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ  โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ  แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ..
พอเห็นว่ากลยุทธแบบเดิมทำมาจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้าง ขัดแย้งกับแกนนำรัฐบาลบ้าง  ทั้งๆที่ผมและนายกฯแพทองธารและอดีตนายกฯเศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย  แถมท่านทั้งสองก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา  เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น....”

ล่าสุดของล่าสุด..วันที่ 5 ม.ค.ทักษิณ  ชินวัตร “พ่อนายก” ตอบคำถามนักข่าวชัดว่า..วันก่อนได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์(เรื่องค่าไฟ-พลังงาน)  และบอกว่าข่าวที่จะปรับพีระพันธุ์ออกจากครม.ไม่จริง “อ๋อ!ไม่มีคุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ  รู้จักกันมานาน  เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง..”

ความจริงจากทักษิณ...เหมือนเกมพลิก สื่อมวลชนขาใหญ่ร้องเอ๊ะ!ไปตามๆ กัน..

นักสังเกตการณ์มองค่อนข้างตรงกันว่า  การชูธงที่จะปฏิรูปพลังงานเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่ทำให้ “เรตติ้ง” ของพีระพันธุ์และพรรครทสช.พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  และน่าจะส่งผลให้แนวรบของรทสช.ในมิติความเป็นพรรคทางเลือกของสังคมเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง..

ยิ่งหากปลดล็อกเรื่องโซลาร์รูฟท็อป และเข็นกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง 180 มาตรา ที่ “พีระพันธุ์”ประกาศว่าร่างเองมากับมือออกมาเป็นผลสำเร็จจริงๆ  ก็น่าจะยิ่งทำให้ต้นทุนที่ดีและมีอยู่แล้วของรทสช.ยิ่งแน่นหนึบ มูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นมหาศาล..

ถึงตรงนี้กรณีรทสช.-พีระพันธุ์..ก็น่าจะกล่าวได้ว่า..สุดยอดของการตลาดที่แท้จริงก็คือคุณภาพจริงๆของสินค้า..หาใช่แค่วาทกรรม..

“พีระ..พัง...” ไม่อาจจะฝ่าพายุฝ่าหลุมขวากมาได้ หากไม่มีคำว่า “คุณภาพ” เป็นตัวนำและค้ำยัน


เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน