วิกฤตอุทกภัยในรอบ 30 ปี สะท้อนพลังน้ำใจคนไทย

ปีนี้ ประเทศไทยเผชิญกับอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี อันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่นยางิและซูลิก ส่งผลกระทบต่อ 19 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และประชาชนกว่า 43,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ

วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ฝนที่ตกต่อเนื่องจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม และเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ในจังหวัดเชียงราย น้ำป่าจากฝนหนักทำให้บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายและถนนพหลโยธินจมน้ำ สร้างความลำบากในการสัญจร โดยบางพื้นที่รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

วันที่ 17 สิงหาคม อุทกภัยฉับพลันใน 9 อำเภอของเชียงราย ส่งผลกระทบต่อ 1,665 ครัวเรือน แม้ว่าจะไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่อำเภอเชียงแสนและขุนตาลได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำในแม่น้ำที่ระบายลงสู่แม่น้ำโขงไม่ทัน ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม จังหวัดพะเยาและแม่ฮ่องสอนต่างได้รับผลกระทบ ขณะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 19 สิงหาคมเผชิญน้ำป่าไหลหลากในอำเภอหนองไผ่และหล่มสัก กระทบประชาชนกว่า 650 ครัวเรือน

วันที่ 23 สิงหาคม จังหวัดน่านเผชิญน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตรในหลายพื้นที่ เช่น วัดภูมินทร์และชุมชนบ้านท่าลี่ ขณะที่จังหวัดแพร่ น้ำจากแม่น้ำยมท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและศูนย์ราชการ โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว

ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่เพิ่มสูงในเดือนกันยายน ทำให้จังหวัดเลย หนองคาย และนครพนมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในหนองคาย น้ำท่วมตัวเมืองสูงถึง 50 เซนติเมตร กระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน

ในยามวิกฤต คนไทยทั่วประเทศได้แสดงความสามัคคีและน้ำใจ ด้วยการบริจาคสิ่งของและเงินทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก และสภากาชาดไทยได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาค ขณะที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเชียงราย ภาครัฐ เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชน พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยทุกครัวเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ความสามัคคีของคนไทยที่ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้เดือดร้อน พร้อมสร้างความหวังให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตกลับสู่ภาวะปกติได้ในเร็ววัน