‘ช่อ พรรณิการ์’ ชี้!! 18 ทูตต่างชาติ รู้มารยาททางการทูตดี ฟาก ‘รัชดา’ โต้กลับ รู้มารยาท แต่ก็ต้องใช้อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจบริบททางสังคมนั้นๆ ด้วย

(6 ส.ค. 67) จากรายการ ‘กรรมกรข่าว คุยนอกจอ’ ดำเนินรายการโดย ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ได้สัมภาษณ์ ‘ช่อ-พรรณิการ์ วานิช’ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และต่อสายสนทนาสดกับ ‘รัชดา ธนาดิเรก’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณี ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีภาพถ่ายร่วมกับทูตต่างประเทศ และมีข้อมูลว่าจะเชิญทูตจำนวน 18 ประเทศมาร่วมฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค 

โดยในบางช่วงบางตอน ช่อ-พรรณิการ์ ได้กล่าวถึงประเด็นการมีมารยาททางการทูตว่า “ในเรื่องความรู้อันเกี่ยวกับมารยาททางการทูต ดิฉันเชื่อว่าบรรดาทูต 18 ประเทศมีไม่น้อยกว่าคุณรัชดาหรอก และมีมากกว่าดิฉันแน่นอน…

“ดิฉันก็ไม่คิดว่าดิฉันมีความรู้เรื่องมารยาท หรือวิธีการอันนุ่มนวลในการดําเนินการระหว่างประเทศเทียบเท่ากับทูต 18 ประเทศนี้ เพราะนั่นเป็นอาชีพของเขา ไม่ใช่อาชีพของดิฉัน เพราะฉะนั้นดิฉันว่าเรื่องมารยาท ทุกคนโดยเฉพาะคนที่เขาเป็นเอกอัครราชทูตของประเทศ ที่เป็นประเทศชนชั้นนําระดับโลกเขาทราบ…

“คุณสรยุทธ คุณไบร์ท เป็นนักข่าวก็ย่อมรู้เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพนักข่าว ดิฉันเป็นนักการเมืองก็รู้เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพของนักการเมือง นักการทูตย่อมรู้จรรยาบรรณวิชาชีพของนักการทูต อนุสัญญากรุงเวียนนาทุกคนก็ต้องอ่านว่าหน้าที่ทางการทูตมันมีอะไรบ้าง”

ต่อมาทางด้าน ‘รัชดา ธนาดิเรก’ ก็ได้กล่าวตอบกลับระหว่างสนทนากันว่า “ประเด็นที่คุณช่อบอกว่าทูตเจ้าหน้าที่ทูต 18 ประเทศ เขารู้ดีอยู่แล้วว่ามารยาททางการทูตคืออะไร ความรู้ที่ใช้บนอคติ ใช้บนฐานความคิดของเขาเพียงด้านเดียว ไม่เอามาประยุกต์ใช้กับบริบทสังคมไทย วัฒนธรรมไทย กฎหมายไทย อันนี้ดิฉันก็ไม่เชื่อว่าความรู้ในเรื่องมารยาทจะสามารถนํามาใช้ได้อย่างถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ…

ประเด็นมันอยู่ที่ว่าวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญกําลังวินิจฉัยว่าพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ที่ศาลท่านเคยวินิจฉัยไปแล้วว่าเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทําลายสถาบัน ซึ่งอันนั้นคือสถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตย ศาลกําลังจะวินิจฉัยในทางใดทางหนึ่ง ไม่มีใครรู้ แต่ท่านเคยวินิจฉัยไปแล้วว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทําลาย ดังนั้นจึงจําเป็นที่จะต้องมีการวินิจฉัย ทําไมต่างชาติไม่เข้าใจในเรื่องตรงนี้ พฤติกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันเซาะกร่อนบ่อนทําลายเสาหลักของประชาธิปไตย…

“แล้ววันนี้ศาลรัฐธรรมนูญคืออํานาจตุลาการเป็นอํานาจอธิปไตย เรากําลังจะใช้ คุณมายุ่งอะไร ดิฉันย้ำไม่ใช่ปฏิเสธสิทธิในการเห็นต่างของชาติอื่น ๆ เห็นต่างได้ แต่ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมาแสดงออกในสถานการณ์วันนี้ แบบนี้ โพสต์เช่นนี้ อันนี้แย่หนักเข้าไปใหญ่ คุณจะเอาข้อมูลที่คุณได้รับทราบจากการพูดคุยกับนักการเมือง และไปประเมินสถานการณ์กับรัฐบาลของคุณ ทําได้ เป็นสิ่งที่ต้องทําอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่มาโพสต์ว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญกําลังจะวินิจฉัย ใช้อํานาจศาลตัดสินคดีที่มันเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญเป็นวิกฤติ อันนี้มันไม่ใช่เรื่องจะต้องทํา”