ฉาว ‘ตม.-ข้าราชการไทย’ เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าชาติ ปูพรมแดงรับชาวเมียนมาเข้าไทยแบบ Elite ในราคาหลักพัน
ไม่นานมานี้เพจ Look Myanmar มีการเปิดข้อมูลเอเย่นต์พม่าโปรโมตการเดินทางเข้าไทยแบบ Exclusive ที่เรียกว่า VIP Pass โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 7,000 บาทเท่านั้น แบ่งเป็น...
‘ฝั่งเมียนมา’ คุณจะได้อภิสิทธิ์เพียงแค่มีพาสปอร์ตและตั๋วโดยสารเข้าไทยเท่านั้น โดยไม่ต้องแสดงเงิน, ตั๋วขากลับและใบจองโรงแรม...ในราคานี้เจ้าหน้าที่ ตม. ฝั่งเมียนมา จะพาคนพม่าข้ามผ่านจุดเช็กอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน รวมถึงผ่านด่าน ตม. ที่สนามบินไปส่งยัง Border Gate
ในขณะที่ ‘ฝั่งไทย’ มีค่าใช้จ่าย 5,000 บาท ซึ่งคนเมียนมาที่จะเข้าไทยจะมีเจ้าหน้าที่มารับถึง Gate พาไปยัง ตม. ด้วยรถกอล์ฟ และทำเรื่องผ่าน ตม. ในช่องทางพิเศษ โดยไม่จำเป็นต้องแสดงตั๋วขากลับ, ใบจองโรงแรมและเงินติดตัว
และยังมีการระบุอีกว่า “ราคานี้สำหรับคนที่ไม่มีประวัติเสียในการเดินทางเข้าไทย หากใครมีประวัติที่ไม่สามารถเดินทางมาไทยได้หรือติดแบล็กลิสต์ จะคิดอีกราคาหนึ่ง”
ประกาศนี้ไม่ได้มีเพียงประกาศเดียว ยังมีประกาศอีกหลายเอเจนซีที่ระบุว่าสามารถให้บริการ VIP Pass ได้ที่สนามบิน ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่ และภูเก็ตอีกด้วย
ในอดีตการมีอภิสิทธิ์ของฝั่งพม่านั้น มีการพบเห็นได้หลายครั้งในหมู่เศรษฐีพม่า หรือคนมีชื่อเสียงเพื่อให้ไม่ต้องต่อคิวผ่าน ตม. ยาวเหยียด และมีคนเข้ามารับตรงหลัง ตม. เลย ขณะที่ในส่วนของไทยเรามีการให้อภิสิทธิ์สำหรับคนที่ถือบัตร Elite card ซึ่งราคาบัตร Elite card ต่อปีก็ไม่ใช่ถูก ๆ
แต่จากเหตุการณ์นี้...นี่ถือเป็นหลักฐานอย่างโจ่งแจ้งของการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่การท่าร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่า หลังจากที่รัฐบาลเมียนมาประกาศเกณฑ์ทหาร ก็ทำให้คนพม่าจำนวนมากพากันออกนอกประเทศมาทำธุรกิจ มาศึกษาในไทยทั้งแบบถูกต้องและไม่ถูกต้อง และมีคนจำนวนไม่น้อยหนีคดีความมั่นคงและก่อการร้ายในเมียนมา มาแฝงตัวในประเทศไทย
ถึงแม้ว่าหลายคนจะรู้มาตลอดว่าการท่าอากาศยานมีบริการแบบนี้ อย่างที่ยูทูบเบอร์จีนรายหนึ่งเคยทำคอนเทนต์ลงในยูทูบและติ๊กต็อกมาแล้ว แต่การมาของชาวจีนกับชาวเมียนมานั้นต่างกัน...
คนจีนที่มานั้น ส่วนใหญ่เน้นมาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย ต่างกับชาวพม่าที่เทครัวมาอาศัยระยะยาวและอาศัยช่องว่างของกฎหมายไทย มาทำมาหากินร่วมกับคนไทย หรือข้าราชการไทยบางคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศชาติ
หวังว่าเสียงเล็ก ๆ ของ ‘เอย่า’ จะไปสะกิดหูท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนะคะ
ไทยเราคงต้องเรียนรู้จากชาติตะวันตกเมื่อต้อนรับผู้ลี้ภัยข้ามชาติเข้ามาพำนักในประเทศมาก ๆ แล้วจะเป็นอย่างไร ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นแล้วในหลายประเทศ
เรื่อง: AYA IRRAWADEE