'รมว.ปุ้ย' เชื่อ!! เหตุเพลิงไหม้อยุธยาเป็นการวางเพลิงทำลายหลักฐาน สั่ง!! เฝ้าระวังเข้มงวด หวั่น!! ผู้ก่อเหตุใช้ 'ภาชีโมเดล' เป็นต้นแบบ

เมื่อวานนี้ (2 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้ และแนวทางการแก้ปัญหากากอุตสาหกรรม พื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ใน 4 จุด ได้แก่...

จุดที่ 1 โกดังเก็บสารเคมี ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ค.67

จุดที่ 2 เทศบาลตำบลภาชี เพื่อมอบอาหาร น้ำและของใช้จำเป็นให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน โดยในจุดนี้ รมว.อุตสาหกรรม ได้กล่าวคำขอโทษที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่า จะเร่งดำเนินกำจัดสารเคมีโดยเร็วที่สุด 

จุดที่ 3 บริษัท ซันเทค เคมิคอล แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด เพื่อกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวังจะเกิดเหตุสารเคมีรั่วและเกิดเหตุเพลิงไหม้ 

จุดที่ 4 บริษัทเอกอุทัย ที่เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหล จนชาวบ้านได้รับผลกระทบทั้งชีวิตความเป็นอยู่ สัตว์เลี้ยง และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย  

จากนั้น รมว.ปุ้ย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยระบุว่า เบื้องต้นทุกคนเชื่อว่าการเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีอันตราย เป็นการลอบวางเพลิงเพื่อเผาทำลายหลักฐาน ดังนั้นจึงได้กำชับอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเนื่องจากเกรงว่า ผู้ประกอบการนายทุน จะถือโอกาสนำกรณีของอำเภอภาชี ไปเป็นต้นแบบในการเผาทำลายของกลางอีก  

"ดิฉันได้สั่งการให้มีการปรับการบริหารจัดการ เรื่องการกำจัดกากสารเคมี จากนี้ไปจะต้องทำเป็นระบบ ให้เข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง ที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไป กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำงานแบบบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันทำงาน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบกับประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งความเป็นอยู่ สัตว์เลี้ยง พืชผลทางการเกษตร ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ ดังนั้นต้องร่วมมือกันทั้งจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ซ้ำอีก" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว