‘พีระพันธุ์’ ย้อนอดีต!! ปรับเกณฑ์ ‘กองทุนยุติธรรม’ ปลดทุกข์ 898 ครอบครัว หลังยุคหนึ่งคนทำมาหากินถูกโกงหนัก ต้อง 'ขึ้นศาล-จ้างทนาย' จนหมดตัว
(30 ม.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เล่าเหตุการณ์ในอดีต หลังตนหยิบยก ‘กองทุนยุติธรรม’ ขึ้นมาปรับนโยบายและหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากการฟ้องร้องคดีความ โดยระบุว่า…
มีลูกน้องมารายงานผม เรื่องที่ไปพบชาวบ้าน จ.พิษณุโลกที่วัด แล้วเจอเหตุการณ์ชาวบ้าน 70 กว่าคน ไปขอยืมเงินพระแสนนึงเพื่อไปจ่ายค่าทนาย ซึ่งเขาได้บอกว่าชาวนากลุ่มนี้มีทั้งหมดประมาณ 71 ราย แต่วันนั้นพบ 70 ราย โดยที่หายไปหนึ่งรายเพราะเพิ่งผูกคอตาย ... จากการขายข้าวไปแล้วไม่ได้เงิน เพราะคนซื้อไม่จ่ายเงิน ซึ่งก็ต้องสู้คดีฟ้องกันไป
ฟ้องกันมา ประมาณ 10 ปีแล้ว คำถาม คือ แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาชาวบ้านก็ยังต้องทํามาหากิน แต่ทํามาหากินแล้วได้เงินมา ก็ต้องเอาไปจ่ายค่าทนาย จนหมดตัว แต่ก็ต้องหาทางจ่ายอีก เพราะยังสู้คดีไม่หมด ซึ่งทำให้เขาต้องมายืมเงินวัดกัน โดย 71 ราย มียอดเงิน 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งในระบบราชการเงิน 2 ล้านกว่าบาททํางบประมาณแค่ขี้ผง แต่นี่ชีวิตคนตั้ง 70 กว่าคน ต้องอยู่กับเรื่องนี้มา 10 ปี คุณนึกถึงที่ว่าชาวบ้านชาวนาเขาอยู่กันมาได้ยังไง รอดมาได้ก็บุญแล้ว…
ดังนั้น ผมจึงมานั่งคิดว่าจะทํายังไงถึงช่วยเขาได้ จนนึกถึง ‘กองทุนยุติธรรม’ ที่มีอยู่ จึงเอามาปรับหลักเกณฑ์ ซึ่งตอนนั้นมีเงินอยู่ 70 ล้านบาท ไม่ได้ขยับอะไรเลย .... ผมจึงปรับนโยบาย ปรับแนวทางใหม่ และบอกให้เอาเงินก้อนนี้ลงไปช่วยชาวบ้าน ซึ่งก็ได้ใช้หลักเกณฑ์ตามกฎหมายแพ่ง โดยเอาเงินจากกองทุนยุติธรรมนี้ เอาไปให้เขาเลย 2 ล้านกว่าบาท เพื่อช่วยชีวิต 71 ครอบครัว
แน่นอนว่า ตรงนี้ก็จะถือเป็นภาระกระทรวงของแล้ว เพราะเป็นเงินหลวง เราจึงต้องจัดทนายความไปช่วยไปสู้คดีให้พวกเขา ภายใต้ข้อตกลงเมื่อชนะคดี ก็จะนำเงินมาทยอยคืน
และเวลานี้ก็มีรายงานว่า ชาวบ้านทยอยคืนเงินจากการชนะคดีมาบ้างแล้ว 70 ครอบครัว เรียกได้ว่าเงินหลวงไม่ได้สูญเปล่า แต่ว่าให้ไปก่อน ชาวบ้านก็ได้เงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย ... เพราะเมื่อเราสู้คดี และชนะคดี ศาลก็ต้องสั่งให้คู่กรณีจ่ายดอกเบี้ยให้เราอยู่แล้ว
หลังปรากฏว่าพอข่าวนี้แพร่ออกไป ตอนนั้นจึงมีสถานีรายการอื่นเอาไปโปรโมต พอไปโปรโมตที่นี้มาใหญ่เลย จากเริ่มต้นที่พิษณุโลก กลายเป็นสิงห์บุรี, ชัยนาท, อ่างทอง ก็มากันหมด สรุปแล้วในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรียุติธรรมอยู่ ผมใช้กองทุนยุติธรรมกับนโยบายโครงการนี้ ไปช่วยเคสในลักษณะเดียวกันได้ 898 ครอบครัว ใช้เงินไปทั้งหมด 38 ล้านเอง แต่สามารถช่วยชีวิตคนได้ 898 ครอบครัว…
สิ่งนี้คือ การใช้อํานาจทางการบริหารเพื่อช่วยประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น หรือไม่ได้มีอํานาจนี้ เราก็ทําไม่ได้ แต่อีกสิ่งที่สำคัญกว่า คือ เรามีความตั้งใจบริหาร ตั้งใจที่จะช่วยเหลือ และใช้อํานาจนั้นเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ ถ้าใช่ มันทําได้