แนวร่วมเพจดัง บี้!! สภาฯ สอบ ‘สส.จิรัฏฐ์’ ‘ปมหนีทหาร’ ‘เจ้าตัว’ บอกปัด!! อ้างก็แค่กระบวนการดิสเครดิต
(26 ม.ค. 67) ที่รัฐสภา แนวร่วมเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ นำโดย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์, นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร หรือ อ.ทัน ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอให้ตรวจสอบ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กรณีไม่ได้รับการตรวจเลือก คัดเลือกทหาร หรือหนีทหาร หรือไม่ โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นผู้รับหนังสือ
นายทันกวินท์ กล่าวว่า ตนมาในนามของประชาชน โดยขอให้ภาครัฐตรวจสอบนายจิรัฏฐ์ โดยกรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล โดยตนได้ร้องว่า นายจิรัฏฐ์ได้มีการหนีทหาร จริงหรือไม่ เพราะตามคำให้การของนายจิรัฏฐ์มีความขัดแย้งกัน และเป็น สส.ต้องมีความแม่นยำในข้อกฎหมาย ซึ่งในข้อกฎหมายกำหนดไว้ว่าหากไม่เข้าไปทำการตรวจเลือกทหารต้องได้รับโทษจำคุก และเมื่อได้รับโทษจำคุกแล้ว จะต้องเข้ารับราชการทหารเลย ดังนั้น สิ่งที่นายจิรัฏฐ์ให้ข้อเท็จจริงว่าเมื่อไม่ได้เข้าไปรับการตรวจเลือกแล้วสามารถเสียค่าปรับ และเข้าไปจับฉลากได้ ถือว่าเป็นการพูดเรื่องข้อกฎหมายอันเป็นเท็จ นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา นายจิรัฏฐ์ได้นำตัว สด.43 ที่มีชื่อของนายจิรัฏฐ์ โดยกำหนดข้อความว่าสามารถจับใบดำ ใบแดงได้ ทั้งที่ตามข้อกฎหมายระบุว่าเมื่อคุณได้รับคำพิพากษาของศาลและได้รับโทษจำคุกแล้ว จะไม่มีการจับใบดำ ใบแดง นี่ถือว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งตนกำลังประสานกับทางกองทัพเพื่อดำเนินคดีอาญากับนายจิรัฏฐ์ต่อไป
ขณะที่นายแทนคุณ กล่าวว่า เรื่องนี้หากเป็นข้าราชการก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาตรา 157 หรือไม่ และเมื่อเป็น สส.กระบวนการจริยธรรมคือถอดถอน และถ้ามีความผิดจริง ในการโกหก ปลอมแปลงเอกสาร หลอกลวงประชาชน เราก็จะส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นถอดถอน และยื่นคดีอาญา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เราทำหน้าที่เปิดโปง สส.ของพรรคก้าวไกลหลายคน จึงเป็นเหตุผลหรือไม่ที่พรรคก้าวไกลพยายามโจมตีกองทัพ เพราะตัวเองมีบาดแผลหลายอย่าง
ด้าน นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ตนจะนำเอกสารร้องเรียนนี้ไปให้เข้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ ตามกระบวนการ แต่อย่างไรก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ว่าสิ่งที่เขาร้องเรียนมานี้เป็นความจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ได้ออกมาอธิบายกล่าวชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ตนต้องนำเอกสารตัวจริงไปยื่นอยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ถ้าอยากจะรู้ขนาดนั้น ก็เป็นหน้าที่ของราชการ เป็นเอกสารตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กที่เพิ่งเรียนจบ แล้วก็ไม่ได้ไปรายงานตัว ตนจำได้ว่าวันนั้นติดเรียน หรือติดธุระอะไรสักอย่าง ก็เลยไปในวันรุ่งขึ้น
"หน่วยงานราชการเรียกไปทำอะไร เราก็ทำตามหมด ให้จ่ายค่าปรับก็จ่าย ให้จับใบดำใบแดงก็จับ ให้เอกสารอะไรมาก็ทำตามกระบวนการที่เขาให้ทำทุกอย่าง ไปจ่ายค่าปรับที่ศาลรึเปล่าน่าจะใช่ ผมก็ทำตามเขา นั่งรถกับเขา แล้วเขาก็พากลับมาที่อำเภอ ทุกอย่างก็จบแค่นั้น ยืนยันว่าไม่มีการปลอมเอกสารแน่นอน แต่ที่ออกมาพูดช้า ยอมรับเลยว่าหาเอกสารไม่เจอ สุดท้ายไปรื้อเจอที่บ้านคุณแม่" นายจิรัฏฐ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ในใบ สด.ที่เอามาแสดงนั้น ไม่มีรอยนิ้วมือ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนก็ยังสงสัยอยู่ ว่าทำไมถึงไม่มี เขาไม่ได้ให้ปั๊ม แต่ที่เช็กกับหลายคนก็ไม่มี ส่วนจะทำตามกระบวนการถูกต้องหรือไม่นั้น เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เข้าไปในหน่วยงานราชการ ก็ทำตามกระบวนการอยู่แล้ว จะมีอำนาจอะไรไปสั่งการ
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่า โดยปกติแล้วหากศาลมีคำสั่งว่าหนีทหาร จะต้องไปเกณฑ์ทหารทันที ไม่ใช่ไปจับใบดำใบแดงแบบนี้ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม กระบวนการของศาล ซึ่งตนก็ต้องทำตามที่เขาให้ทำ ส่วนรู้สึกแปลกหรือไม่ เอาตรงๆ รู้สึกโชคดี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ตนคงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารแล้ว เกณฑ์ทหารไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ชีวิตเสียหายไป 2 ปี แทบจะเอาชีวิตไปทิ้งเลย ถ้ามันออกมาเป็นอย่างนั้น ตนก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ตนไม่รู้หรอกว่ากระบวนการเป็นยังไง ก็แล้วแต่หน่วยงานราชการ เขาบอกให้ทำก็ทำ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อ เพื่อหนีทหาร นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนเปลี่ยนตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง เปลี่ยนทั้งบ้าน เพราะคุณแม่ไปดูดวงมา เรื่องการเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องหลังเรียนจบ ตนเปลี่ยนชื่อก่อนหลายปีมาก ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ในเอกสารราชการจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนที่มีการมาร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารนั้น ตนได้ทราบว่ารับเรื่องมาแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาลงมติ ตนคงไม่ออกความเห็น ให้ กมธ.ฯ คนอื่นพิจารณา ว่าจะนำเรื่องนี้เข้ามาพูดคุยหรือไม่ เพราะ กมธ.ฯ มีหน้าที่ศึกษาพิจารณา แก้ไข สืบสวน ข้อพิพาท ที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการทหาร โดยประชาชนที่มาร้องเรียนจะต้องเป็นผู้เสียหาย ที่มาเรียกร้องความยุติธรรม ความเป็นธรรม แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ ว่าใครเป็นผู้เสียหาย และเขาได้รับความเดือดร้อนอะไร จากสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตนยังไม่เข้าใจเหมือนกัน
"ผมไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะการถูกทำลาย เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเรื่องราวที่ผมพูด และสิ่งที่กำลังทำ เป็นเรื่องที่ถูกทางแล้ว เป็นประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง ถ้าทำแล้วสำเร็จ ก็เป็นประโยชน์ของคนทั้งประเทศ แต่เรื่องที่เขาทำเพื่ออะไร ใครได้ประโยชน์ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมไม่อยากให้สังคมเปลี่ยนประเด็น จากความผิดปกติในหน่วยงานทหารมาเป็นเรื่องนี้แทน เพราะเป็นการความพยายามในการบิดเบือนกระแสสังคมมากกว่า" นายจิรัฏฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินคดีต่อผู้ร้องเรียนหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า คงไม่เสียเวลาทำอะไรแบบนั้น มองว่าเป็นกระบวนการดิสเครดิต มั่นใจว่าการพยายามทำลายไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ตนพูดเกี่ยวกับทหารได้