'ดร.สุวินัย' แนะ!! หากสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิด อย่าจิตตก แล้วคิดรับมือแบบนักยุทธศาสตร์
(21 ม.ค.67) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ในหัวข้อ ถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่สามจริง เราควรจะเตรียมรับมืออย่างไร? หลังมีคนเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยระบุว่า…
สวัสดีท่านอาจารย์สุวินัยด้วยความเคารพครับ ผมขออนุญาตสอบถามขอความรู้จากท่านอาจารย์ในบางเรื่องครับ ทั้งนี้ตามแต่ท่านอาจารย์จะกรุณาครับ
สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้ดูคลิปพระท่านเล่าคำพยากรณ์ของหลวงปู่ชอบว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม ซึ่งโดยส่วนตัวผม หากพระที่ท่านเล่าในคลิป ท่านถ่ายทอดได้ถูกต้องตรงตามจริง ผมเชื่อว่าองค์หลวงปู่ท่านน่าจะมีอนาคตังศญาน ท่านพยากรณ์ไม่ผิดแน่
ผมก็เลยอยากขอความรู้ท่านอาจารย์ว่าหากเกิดสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่สามจริง นอกจากการฝึกจิตฝึกใจภาวนาเจริญสติ (ซึ่งก็ได้ฝึกฝนอยู่) ผู้ที่ทำงานประจำอย่างผม จะต้องเตรียมรับมือในแง่การเงินในแง่เศรษฐกิจ ในแง่ปากท้อง และการใช้ชีวิตสำหรับครอบครัวอย่างไรครับ เพื่อให้ผ่านสภาวะดังกล่าวไปได้ (เพราะผมนึกไม่ออกไม่มีข้อมูลว่าการใช้ชีวิตในช่วงสงครามในเมืองไทย จะมีสภาพเป็นอย่างไร)
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ
~ ป๊อก
ซึ่ง ดร.สุวินัย ภรณวลัย ได้ตอบกลับว่า…
- คำถามนี้ของคุณเป็นคำถามที่ยากและเป็นคำถามที่ใหญ่มากนะ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่างไม่ประมาท ก็ควรมีคำตอบที่ตกผลึกระดับหนึ่งให้กับตัวเองต่อคำถามนี้
- ในวิธีคิดของผม ผมจะแยกประเด็น ‘การเกิดสงครามโลกครั้งที่สามนี้’ ออกเป็นประเด็นย่อยๆ หลายข้อ ซึ่งมันจะช่วยให้เราเข้าใจและตระหนักถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
1.) ‘สงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดขึ้นหรือไม่?’
ตอบ : ตอนนี้มันมีเค้าลางในสมรภูมิ 3 สมรภูมิ คือในยุโรปที่ยูเครน ในตะวันออกกลาง ที่กาซากับเยเมน และในเอเชีย ที่เกาหลีเหนือกับไต้หวัน
2.) จึงควรถามต่อว่า ‘จะเกิดขึ้นเมื่อไร?’
ตอบ : โดยส่วนตัว ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดในอนาคตอันใกล้นะ คือมันจะไม่บานปลายกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างน้อยจนถึงปี 2035…แต่หลังจากนั้นไม่แน่
อย่างไรก็ดีช่วงสิบปีต่อจากนี้ โลกจะวุ่นวายแน่นอน จากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และสงครามไฮบริดเพื่อบั่นทอนสมรรถภาพในการทำสงครามโลกของขั้วมหาอำนาจอีกฝ่าย… จึงมองโลกสิบปีข้างหน้าอย่างโลกสวยไม่ได้เป็นอันขาด
3.) ‘โลกสิบปีข้างหน้ามันมีเมกะเทรนด์อะไรบ้าง?’
ตอบ : โลกของ ‘ทุนนิยม’ (capitalism) จะเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกของ ‘ดาต้านิยม’ (dataism) อย่างเต็มรูปแบบ อัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทนเงินทุน และอุตสาหกรรม 3.0 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอนาคต ผู้คนจะตกงานมหาศาล เพราะโลกกำลังโละระบบเก่า เพื่อไปสู่ระบบใหม่ ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (Technocracy) ที่ประชาชนโลก ไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งใด แต่จะถูกระบบจัดสรรให้ในรูป Universal Basic Income ผ่านระบบการเงินแบบดิจิทัลของธนาคารกลาง ที่เรียกว่า CBDC
ต่อไปผู้คนจำนวนมากจะไม่อาจสร้างความมั่งคั่งส่วนตัวได้เหมือนผู้คนในศตวรรษที่ 20 หรือต้นศตวรรษที่ 21 ทำได้เพียงแบมือรอความช่วยเหลือ และการจัดสรรให้จากระบบรัฐ ตามที่รัฐเห็นสมควรเท่านั้น (การแจกเงินดิจิทัลเป็นจุดเริ่มต้น)
● เราจึงได้เห็นการสร้างหนี้มหาศาลไปทั่วโลก ทุกประเทศแบบดินพอกหางหมู
- 90% ของครัวเรือนทั้งประเทศของประเทศนี้ล้วนแบกหนี้
- ธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศนี้ก็แบกหนี้มหาศาล ถึงขนาดต้องพึ่งหุ้นกู้จากประชาชน เพราะได้กู้เงินจากสถาบันการเงินเต็มลิมิตขีดจำกัดแล้ว
● ในสถานการณ์แบบนี้ ครัวเรือนไหนไม่มีหนี้ ไม่ก่อหนี้เลย ครัวเรือนนั้นถือว่ามีบุญที่สุด โชคดีที่สุด ถึงจะเป็นคนส่วนน้อยของประเทศนี้ก็ตาม
● เราไม่อาจขวางทางพายุของการเปลี่ยนผ่านที่กำลังปัดกวาดทำลายล้างระบบโลกเก่าในทุกมิติ
- ทางด้านเศรษฐกิจที่โครงสร้างการเจริญเติบโตทำได้ด้วยการก่อหนี้มโหฬารในระบบ
- ทางด้านชีวิตผู้คนที่ต้องเผชิญกับโรคระบาด ภัยพิบัติธรรมชาติ และมิคสัญญีความวุ่นวายทางสังคมไม่รู้จบสิ้น
- ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ผ่านการสร้างสงครามใหญ่ เพื่อไปสู่ระเบียบโลกใหม่
● เราจึงต้องเรียนรู้เพื่อเข้าใจระบบและปรับตัวไปตามพายุของการเปลี่ยนผ่านนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสรอดอย่างบูรณาการ และอย่างมีสมดุลที่สุดทั้งทางโลกและทางธรรม
4.) ‘เราต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง?’
ตอบ :
● ควรออกจากตลาดทุน/ตลาดหุ้น ที่กำลังจะพังทลายหรือเดินหน้าดิ่งลงเหว ยกเว้นเจ้าตัวเป็นเทรดเดอร์ขั้นเทพ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยฝ่ายผู้ชนะในตลาดหุ้น
● เก็บความมั่งคั่งส่วนตัวที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบดิจิทัล (ไม่สะสมเหรียญคริปโต) ซึ่งก็คือ ที่ดินเกษตร ที่ดินทำกินแบบเศรษฐกิจพอเพียง
● มีสังกัดในชุมชนเครือข่ายที่มีความพร้อมเรื่องปัจจัยสี่ ถ้าโลกเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย เกิดสงครามใหญ่ตามภูมิภาคต่างๆ จนผู้คนในเมืองใหญ่ตกงานเป็นจำนวนมาก
● ดูแลระบบภูมิชีวิตของตนเองและคนในครอบครัวให้แข็งแกร่ง พร้อมสู้กับทุกการรุกรานต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งเชื้อโรค และอากาศเป็นพิษ
● เตรียมที่หลบภัยอย่างเหมาะสม เป็นแผนสำรองฉุกเฉินหากเกิดสงครามลุกลามมาถึง (เมืองไทยยังไม่น่ากังวลเรื่องนี้อย่างน้อยในช่วงสิบปีต่อจากนี้)
หัวข้อนี้ เราควรคิดเผื่อไว้แบบนักยุทธศาสตร์ แต่มิใช่เอามาครุ่นคิดวิตกจนจิตฟุ้งซ่านกังวลเป็นอันขาด
ในฐานะที่คุณป๊อกและผมต่างก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนาเหมือนกัน เราควรมีจิตตั้งมั่นแบบ ‘อจลจิต’ หรือจิตที่ไม่หวั่นไหว เพื่อพร้อมเผชิญหน้ากับวิกฤตทุกรูปแบบที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตเราและครอบครัวของเรา
ด้วยความปรารถนาดี