เปิดคำสารภาพของสาววัย 20 ปี ผู้ก่อเหตุไล่แทงคนบนรถไฟโตเกียว ภัยเงียบแห่งสังคมญี่ปุ่น ภายใต้อาชญากรรมด้วยเหตุจูงใจที่ ‘ไร้เหตุจูงใจ’
ปี 2024 นี้ ไม่น่าจะใช่ปีที่ดีของชาวญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ เพราะมีเหตุการณ์ร้ายแรงตั้งแต่ต้นปี ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ เครื่องบินชนกัน ยัน ไฟไหม้ตึก
เช่นเดียวกับคดีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ บนรถไฟฟ้ากลางกรุงโตเกียว เมื่อมีคนร้ายใช้มีดไล่แทงผู้คนบนรถไฟสาย ‘JR Yamanote’ ขณะมุ่งหน้าไปสถานีอากิฮาบาระ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บเป็นชาย 4 คน
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในช่วงกลางดึก ราวๆ 23.50 น. ของคืนวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมีหญิงสาวอายุราวๆ 20 ปี ใช้มีดทำครัวไล่แทงผู้โดยสารบนขบวนรถไฟสาย JR Yamanote หนึ่งในสายรถไฟหลักชื่อดังของกรุงโตเกียว เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บเป็นชาย 4 คน และ 3 ใน 4 คน ถูกแทงบริเวณกลางหลัง และ ทรวงอก มีอาการบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนโชคดีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
หลังเกิดเหตุ ทางการโตเกียวสั่งหยุดเดินรถไฟ Yamanote ที่สถานีอากิฮาบาระชั่วคราว และได้จับกุมหญิงสาวอายุราวๆ 20 ปี ที่เป็นคนร้าย โดยไม่มีการเปิดเผยชื่อออกสื่อ
และสิ่งที่ได้จากการสอบปากคำคนร้ายสาววัย 20 กว่าๆ นั้น ชวนตะลึงยิ่งกว่าการก่อเหตุของเธอเสียอีก เมื่อเธอให้การรับสารภาพกับตำรวจได้อย่างหน้าตาเฉยว่า “ฉันขึ้นรถไฟมาจากสถานีอุเอโนะ มาเพื่อตั้งใจจะฆ่าคนค่ะ”
ซึ่งเธอมีเจตนามาก่อเหตุจริงๆ เมื่อตำรวจพบหลักฐานเป็นมีดทำครัวที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ภายในรถไฟ และยังพบมีดสำรองอีก 1 เล่มในกระเป๋าของเธอ เรียกได้ว่าเตรียมเผื่อไว้เลย หากมีดเล่มแรกถูกแย่งไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจโตเกียวยังหาข้อสรุปสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุของเธอได้ แต่หญิงสาวยอมรับว่า เธอมีอาการป่วยทางจิต ที่ส่งผลต่อการกระทำของเธอ แต่ถึงจะอ้างความเจ็บป่วยทางจิตใจ ตำรวจก็จำเป็นต้องตั้งข้อหา ‘เจตนาฆ่า’ ไว้ก่อน และเชื่อว่า คนร้ายกับผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 4 คน ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือเคยรู้จักกันมาก่อน
อย่างที่รู้กันดีว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำมาก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร และมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมากๆ แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กลับมีคดีไล่แทงคนในที่สาธารณะ การลอบวางเพลิง หรือการก่อเหตุด้วยปืน และระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นเองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ารูปแบบการก่อเหตุ ก็คือเหตุจูงใจของคนร้าย เพราะหลายครั้งที่เกิดคดีในญี่ปุ่น มักได้รับคำตอบจากคนร้ายว่า “ก่อเหตุเพราะแค่อยากฆ่าใครสักคนเฉยๆ”
ดังเหตุการณ์ร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นในย่านอากิฮาบาระ เช่นกัน เมื่อเดือนมิถุนายน 2008 ‘นายคาโต้ โทโมฮิโระ’ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ได้ขับรถไล่ชนผู้คนขณะกำลังข้ามถนนในย่านนี้เป็นจำนวนมาก แล้วยังเอามีดออกมาไล่แทงผู้คนบนท้องถนน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน และบาดเจ็บอีกนับ 10 คน
หลังก่อเหตุ ตำรวจพบหลักฐานในโทรศัพท์มือถือของเขา เป็นข้อความที่นอกเหนือจากการแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง อกหัก แฟนทิ้ง ตกงาน พ่อแม่ไม่รัก ยังมีข้อความที่พิมพ์อย่างชัดเจนว่า “ฉันตั้งใจจะฆ่าคนที่อากิฮาบาระ”
คาโต้ โทโมฮิโระ ถูกตัดสินประหารชีวิตและเพิ่งจะประหารไปเมื่อปี 2022 นี้เอง…
ส่วนอีกคดีที่สะเทือนญี่ปุ่นไม่แพ้กัน คือ เหตุไล่แทงที่เมืองซากะมิฮาระ ในจังหวัดคานาคาวะ เมื่อปี 2016 โดย ‘นายอุเมะมัทสุ ซาโตชิ’ หนุ่มวัย 26 ปี อดีตลูกจ้างศูนย์พยาบาลผู้สูงอายุ ก่อเหตุใช้มีดที่พกมาเป็นจำนวนมาก บุกเข้าไปแทงคนชราภายในศูนย์พักพิง เสียชีวิตไปถึง 19 คน
ต่อมา นายซาโตชิ ได้เขียนคำรับสารภาพว่า เขาตั้งใจก่อเหตุสังหารคนชรา และ คนพิการ เพื่อประโยชน์ของประเทศญี่ปุ่น และ รักษาสันติภาพของโลก ทั้งยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และ ป้องกันสงครามโลกครั้งที่ 3!!
การก่ออาชญากรรมด้วยเหตุจูงใจ ที่ไร้เหตุจูงใจ จึงไม่ต่างจากภัยเงียบในสังคมของคนญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่า คนที่ยืนรอรถไฟอยู่ข้างๆ เราในวันนี้ มีอารมณ์อยากฆ่าใครบางคนขึ้นมาหรือเปล่า…
ที่มา : หรรสาระ By Jeans Aroonrat
https://www.facebook.com/HunsaraByJeansAroonrat/posts/pfbid0d6qnq8jijH5hkQwPjVrA7HaKZx7Lan1sNDzqxeejgbuBaqQbTCGFTfdHuWrf1fsJl