‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ อดีตว่าที่นายกฯ สู่ ‘ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต’ จากนิตยสารไทม์

“กาก้าวไกล…ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” วลีเด็ดของ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่ใช้หาเสียงในศึกเลือกตั้ง 2566 และมีการเลือกตั้งไปเมื่อ 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า พรรคก้าวไกลกวาดเก้าอี้ สส. ทั่วประเทศได้ 151 ที่นั่ง มากเป็นอันดับหนึ่ง 

ส่วนพรรคเก่าแก่อย่าง ‘พรรคเพื่อไทย’ ครองอันดับ 2 ได้ 141 ที่นั่ง ทำให้กระแสจับมือจัดตั้งรัฐบาลของทั้ง 2 พรรคมาแรง และเหล่าโหวตเตอร์ก็หมายมั่นในใจแล้วว่า กำลังจะได้รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อย่างแน่นอน

แต่การเมืองก็คือการเมือง เหตุการณ์ที่ (ไม่) คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อการโหวตเห็นชอบในครั้งแรก ‘ไม่ผ่านมติสภาฯ’ หรือได้เสียงโหวตไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ โดยขาดเสียงสนับสนุนนายพิธาอีก 64 เสียง ส่งผลให้พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมหวังจะเสนอชื่อครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. 66

แต่ผลปรากฏว่า การเสนอชื่อนายพิธา ชิงตำแหน่งนายกฯ ครั้งที่ 2 ถูกปัดตก ด้วยเหตุผลว่า… “การเสนอชื่อ นายพิธา เป็นการเสนอญัตติซ้ำ ส่งผลให้การเสนอชื่อ นายพิธาซ้ำอีกครั้ง ไม่สามารถทำได้” เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการปิดประตูการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของนายพิธาแล้ว 

แต่เวลาต่อในวันเดียวกันนั้น ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ มีมติเอกฉันท์ รับคำร้อง กกต. ที่ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีถูกร้องถือหุ้นสื่อ ITV พร้อมมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 คำสั่งให้ นายพิธา ในฐานะผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

กลายเป็นว่า นายพิธาถูกปิดประตูใส่หน้า 2 ครั้งในวันเดียว ชวดเก้าอี้นายกฯ แถมยังไม่ได้ทำหน้าที่ สส.ในสภาฯ อีกด้วย ซึ่งนายพิธาก็ก้มหน้ารับ ยอมเดินออกจากสภาฯ แต่โดยดี

หลังจบเหตุการณ์อลหม่านไปไม่นาน วันที่ 13 ก.ย. 66 นิตยสารไทม์ (Times) เปิดเผยรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ‘Times 100 Next’ หนึ่งในนั้นมีชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในหมวดหมู่ผู้นำ (Leaders) โดยนายพิธาก็ได้แสดงความดีใจ โดยบอกว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกเป็น ‘Times 100 Next’ จากนิตยสารไทม์ ร่วมกับบุคคลระดับโลกอีกหลาย ๆ คน

และอีก 2 วันต่อมา วันที่ 15 ก.ย. 66 นายพิธา ก็ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยให้เหตุผลว่า ‘ก้าวไกล’ จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ดีได้ จำเป็นต้องมี ‘หัวหน้าฝ่ายค้าน’ จึงเปิดทางให้พรรคได้เลือกหัวหน้าคนใหม่ แต่ถึงอย่างไร ตนก็จะทำงานกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้หนีหายไปไหน ซึ่งการลาออกในครั้งนี้ก็สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากในแวดวงการเมือง

แม้นายพิธาจะชวดเก้าอี้นายกฯ แถมยังไม่ได้ทำหน้าที่ สส. อันทรงเกียรติ แต่กระแสและชื่อเสียงก็ไม่ได้หายไปจากหน้าสื่อเลย ยังคงมีเรื่องราวให้ติดตามและพูดถึงไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปนิวยอร์กโดยมีคนไปต้อนรับมากมาย การร่วมงานจตุรมิตร การไปดูงานที่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้อย่าง YG Ent. หรือการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงาน 100 วันแรกของรัฐบาลภายใต้การนำของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’

ทุกย่างก้าวของนายพิธา ถูกสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจับตามอง และตีแผ่ออกมาเป็นข่าวอยู่เสมอ ๆ

ล่าสุด Google ประเทศไทย ก็ได้เผยคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2566 หรือ ‘Year in Search 2023’ ที่คนไทยให้ความสนใจตลอดทั้งปี 2566 ที่ผ่านมาในหมวดต่าง ๆ ซึ่งในหมวด Trending Person บุคคลที่ถูกค้นหามากที่สุดในปี 2566 ก็คือ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ นั่นเอง

เท่านั้นยังไม่พอ ผลโพลจากสำนักต่าง ๆ ก็ยังมีชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ติดอยู่เสมอ และได้ตอกย้ำว่าคนไทยยัง ‘หวัง’ ให้นายพิธานั่งเก้าอี้นายกฯ 

…แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งหากไม่มี ‘ตัวแปร’ ใดเข้ามาทำให้เส้นทางการเมืองของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หยุดลง ก็คงได้เห็นชื่อนายพิธาเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรืออาจเป็นก้าวไปสู่ ‘นายกฯ พิธา’ ก็เป็นได้

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ