‘อดีต นร.ไทยในญี่ปุ่น’ จวก ‘พิธา’ หลังต่อสายตรงทูตอิสราเอลในไทย ชี้!! ไม่ใช่หน้าที่ แถมไร้ความเป็นมืออาชีพ หวั่นทำสื่อสารคาดเคลื่อน

(8 ต.ค. 66) จากกรณีที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ เปิดฉากโจมตีใส่กัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และสถานการณ์เริ่มลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น เมื่อได้มีการจับกุมตัวแรงงานคนไทยที่ทำงานในอิสราเอลเป็นตัวประกัน ซึ่งทางรัฐบาลไทยก็สั่งการให้เร่งตรวจสอบดูแลแรงงานอย่างใกล้ชิด

ซึ่งต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัว ระบุว่า…

“ผมพึ่งวางสายโทรศัพท์จากการพูดคุยกับท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และพี่น้องแรงงานคนไทยในอิสราเอลจากการประสานของปีกแรงงานพรรคก้าวไกล ได้ทราบมาว่าสถานการณ์มีความรุนแรงต่อเนื่อง และได้รับคำขอร้องว่าครอบครัวของแรงงานที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่สามารถติดต่อญาติที่อิสราเอลได้ และกำลังตกอยู่ในความกังวลอย่างมาก หากท่านมีญาติไปทำงานที่อิสราเอล และบัดนี้ยังติดต่อไม่ได้ ท่านสามารถระบุชื่อของบุคคล เมืองที่พำนัก มาที่ email : [email protected] เพื่อรวบรวมเป็น database ประสานงานกับ สถานทูตอิสราเอล และ/หรือส่งมอบต่อกระทรวงต่างประเทศต่อไปได้”

จากกรณีดังกล่าว ทำให้เกิดการท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม และดูไม่เป็นมืออาชีพ ของนายพิธา ในโลกโซเชียลกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ‘คุณนฤพันธ์ โชติช่วง’ อดีตนักเรียนวิทยาลัยยามชายฝั่งญี่ปุ่น ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Naruphun Chotechuang’ ให้มุมมองเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไว้ ระบุว่า…

“ทวิตนี้แสดงถึงความไม่เป็นงาน และต้องการแสงของผู้ทวิต โดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่อาจตามมาในภายหลัง

1.) เหตุการณ์นี้ คนที่ควรโทรคุยควรเป็นทูตไทยในอิสราเอล มิใช่ทูตอิสราเอลในประเทศไทย เพราะถือว่าเป็นคนที่มีหน้าที่โดยตรง และต้องพยายามติดต่อคนไทยที่อาศัยในอิสราเอลตามข้อมูลที่มี เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป

ในทางกลับกันคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศควรมีช่องทางติดต่อกับสถานทูตไทยในประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่เช่นเดียวกัน เพราะสถานทูตคงไม่สามารถทราบว่าเราอยู่ที่ใดโดยไม่ได้แจ้ง การไปอยู่ต่างประเทศแบบไม่มีการเตรียมตัวรับสถานการณ์ฉุกเฉินเลย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย

2.) การใช้อีเมลส่วนตัวเป็นช่องทางรับข้อมูล ถือเป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ และแสดงให้เห็นว่า อีเมลดังกล่าว ตัวเองไม่ได้จัดการดูแลอีเมลดังกล่าวด้วยตัวเอง มีคนอื่นสามารถเข้าถึงอีเมลของตัวเองได้ เพื่อจัดการข้อมูลที่จะเข้ามา

การสร้างอีเมลใหม่เพื่อใช้ในงานเฉพาะกิจไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรเลย เจ้าหน้าที่ไอทีทั่วไปสามารถทำได้ด้วยเวลาไม่กี่วินาที ทำให้คิดได้ว่า อาจจะไม่ได้คิดหรือต้องการให้ใช้ชื่อตัวเองเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

3.) เรื่องสำคัญที่สุดคือ คนทวิตไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย แต่สร้างความสับสนในการติดต่อสื่อสารเพื่อแสงที่ตัวเองเคยทำเสมอมา และผมคิดว่าสุดท้ายก็คงไม่ต่างกรณีติดต่อไปยังรุ่นพี่ที่ MIT เพื่อเอาวัคซีนโควิดเข้ามา สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ปล.ตัวผมเองเคยอยู่ในวิกฤตการณ์ในต่างประเทศอย่างเหตุการณ์สึนามิที่โทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นการติดต่อสื่อสารพิการ ทั้งระบบสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต เลยต้องติดต่อบอกสถานกงสุลไทยในโอซาก้า ด้วยโทรศัพท์ระบบสาย และค่อยบอกข่าวสารตัวเองไปยังมารดาเมื่อมีโอกาสในภายหลัง