‘อรรถวิชช์’ ชม!! รัฐบาลทำงานไว ‘ลดค่าไฟ-น้ำมันดีเซล’ ทันที จับตาดู ‘ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ - จัดการปัญหาเครดิตบูโร’

(15 ก.ย. 66) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินนโยบายลดค่าน้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า และการทำงานของคณะรัฐมนตรีในวันแรก ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 14 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO / MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายไอยรา อัลราวีย์ บรัศว์ตฤณ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยนายอรรถวิชช์ ได้กล่าวว่า…

“ผมดูในคําแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้ว และคิดว่ารัฐบาลเข้าใจว่าประเทศปัจจุบันอยู่ในฐานะวิกฤติเศรษฐกิจหลังจากโควิด เขาก็ต้องการจะให้ผลักเงินทุกอย่างออกมาโดยเร่งด่วนที่สุด เพราะฉะนั้นผมคิดว่านโยบายที่จะได้เห็นคือนโยบายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อันนี้เห็นชัดแน่” 

“ต่อมาคือมาตรการที่ออกมาในมติ ครม. วันแรก เป็นมาตรการที่เรียกว่า ‘กระชากลดค่าใช้จ่ายทันที’ เช่น ลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2.50 ซึ่งเข้าใจว่าจะเริ่มเลย ที่เขาทําได้เพราะว่ารัฐบาลมีอำนาจเต็มมือ ก่อนหน้านี้เป็นการงดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่ปรากฏว่าการคําสั่งงดจัดเก็บมันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม และเราก็ยังไม่มีรัฐบาลสักที ก็เลยออกมาตรการใหม่ไม่ได้ แต่พอรัฐบาลใหม่มีอํานาจเต็มมือ ก็สามารถจะทุบโต๊ะได้เลยว่า งดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอีก 2.5 บาท เพราะฉะนั้นมันเลยทําให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงต่ำกว่า 30 บาททันทีเลย”

“อันที่สอง ก็คือเรื่องของค่าไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าลดลงจาก 4.45 ลดเหลือ 4.10 อันนี้ก็ทําทันที ผมมองว่า อันนี้เจ๋ง เพราะปกติแล้วราคาค่าไฟมันจะถูกทบทวนทุกรอบ 4 เดือน รัฐบาลใหม่ก็ประกาศลดทันทีในรอบนี้ (ก.ย. - ธ.ค.) ไม่ไปรอรอบหน้า (ม.ค. - เม.ย.) ผมว่าอันนี้ดี แหวกกติกาเดิม ๆ ดี” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องค่าไฟฟ้าแพงว่า “เรื่องค่าไฟฟ้า คำถามคือค่าไฟผันผวนขึ้นลงเพราะปัจจัยใด? มันผันผวนตามราคาแก๊สธรรมชาติ หรือค่าเงินบาทเรามันอ่อนค่าแข็งค่า มันจะส่งผลต่อราคาไฟฟ้า ซึ่งปกติจะทบทวนราคาแก๊สบวกค่าเงิน ทุก ๆ 4 เดือน แต่ว่าเขาประกาศวันนี้ เขาทำวันนี้เลย ผมคิดว่าอันนี้ดี ก็ทําให้ค่าไฟลดลง มาได้เป็น 4.10 บาท”

ต่อมา นายอรรถวิชช์ แสดงความคิดเห็นเรื่องการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว โดยระบุว่า เขาจะฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนกับคาซัคสถาน คือ 1 ปี ไม่ต้องขอวีซ่าให้วุ่นวาย สามารถเข้ามา และ on arrival ได้เลย ส่วนสาเหตุที่ต้องดึงนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน ก็เพราะว่าในช่วงหน้าหนาวบ้านเขา เขาจะได้หนีหนาวเพื่อเดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่งหากดูจากสถิติ นักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานเดินทางมาไทยค่อนข้างมากในช่วงหลายปี ก็มองว่ารัฐบาลกำลังพยายามทำนโยบายที่เรียกว่า ‘ควิกวิน’ หรือชัยชนะระยะสั้น ๆ เป็นเทคนิคการกระตุกให้คนเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงเรื่องการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ว่า “สำหรับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เราควรทำอย่างจริงจังมาตั้งนานแล้ว แต่คณะกรรมการฯ ก็ต้องเป็นคนที่มีหัวคิดสร้างสรรค์พอสมควรถึงจะสามารถผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยออกมาได้อย่างดี ที่ผ่านมาเราเน้นเรื่องการเซนเซอร์มากไป พอเจอฉากที่ไม่ดี หรือไม่ถูกใจก็ให้ตัดออก แต่หากมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมา ก็ควรต้องไปพิจารณาว่าจะส่งเสริม ผลักดันไปทิศทางไหน? แบบใด? จะเป็นการให้รางวัลหรือการสนันสนุนด้วยเงินก็ต้องมาพิจารณาอีกที”

“ยกตัวอย่างหนักไทยนะ ส่วนใหญ่จะเป็นการประชดประชันสังคม สะท้อนสังคม ดูแล้วเครียด ต่างจากของเกาหลีที่ทำออกมาจะไม่ใช่อารมณ์เครียด แต่จะมีน่ารัก สดใส เช่น การสอดแทรกภาพลักษณ์ของผู้ชายเกาหลีเข้าไปให้ดูสุภาพบุรุษ ทั้งที่จริง ๆ เขาก็ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษแบบนั้นทั้งหมด แต่เกาหลีพยายามสอดแทรกและปั้นประชาชนให้เป็นแบบนั้น 10 ปีต่อมาก็เริ่มเห็นผล หรือการส่งเสริมการแปรงฟัน เราก็จะเห็นฉากแปรงฟันในซีรีส์หรือหนังเกาหลีบ่อย ๆ แม้แต่อาหาร หรือเคป็อปที่ดังระเบิดไปทั่วโลก ทั้งหมดที่พูดมาเป็นการส่งเสริมจากภาครัฐ หากผู้ผลิตมีฉากที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ทางรัฐก็จะจ่ายเงินสนับสนุน แต่ทางไทยยังไม่ได้เป็นแบบนั้น ดังนั้นหนังของเราก็จะเป็นการสะท้อนสังคม ไม่ได้เป็นการชี้นำสังคม” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า “สมัยก่อนไทยเรามีงบเข็มแข็งที่ใช้สนับสนุนทำหนังสุริโยไทย พระนเรศวร ในครั้งนั้นเป็นการปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ก็ไม่ได้มีแค่แนวนี้ที่ต้องผลักดัน เราต้องผลักดันแนวอื่น ๆ ด้วย ต้องนำเสนอว่าประเทศไทยน่าอยู่อย่างไร คนไทยใจดีขนาดไหน มีความสร้างสรรค์อย่างไร อาหารบ้านเราน่ารับประทานแค่ไหน เราต้องสื่อสารออกมาให้ได้ ทุกวันนี้ไทยติดอันดับประเทศที่น่ามาเยือน ลองคิดดู หากเราทำซอฟต์พาวเวอร์เจ๋ง ๆ ออกมาได้ ประเทศเราจะเจ๋งขนาดไหน ผมเชื่อว่าต่อให้เป็นเกาหลี เราก็สู้ได้ครับ”

“อีกสิ่งที่ต้องสนับสนุนหรือส่งเสริมให้เกิดขึ้นคือการถ่ายทอดลักษณะนิสัยของคนไทย ที่ไม่ใช่การคอลเอาต์แบบรุนแรง โวยวาย แบบไทย ๆ ต้องเป็นการพูดด้วยความเป็นมิตร ยิ้มแย้ม ถ้อยทีถ้อยอาศัย และที่ต้องเน้นย้ำมาก ๆ เลยคือการคอร์รัปชัน ต้องปลูกฝังนิสัยคนไทยผ่านซอฟตค์พาวเวอร์เลยว่าการโกง รับเงินใต้โต๊ะ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ส่งเสริมนิสัยดี ๆ ให้คนไทย” นายอรรถวิชช์ กล่าวเสริม

นายอรรถวิชช์ แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง ว่า “มองว่าเป็นนโยบายที่ดี และคงเป็นทางเลือกให้ข้าราชการ คงไม่ได้บังคับ ซึ่งก็ถือว่าดี น่าจะช่วยลดการเป็นหนี้นอกระบบได้ แต่ว่าต้องรออีกสักนิด คงได้เห็นผลลัพธ์กัน”

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงเรื่องเชิงโครงสร้างที่รัฐบาลควรเร่งทำมากที่สุด โดยระบุว่า “เรื่องโครงสร้างไฟฟ้าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและควรรีบทำ หากจะปรับราคาให้ลดลงในระยะยาว คือเราต้องหาแก๊สธรรมชาติแหล่งใหม่ เพราะแก๊สในอ่าวไทยเป็นตัวหลักในการผลิตไฟฟ้า และตรงช่วงตะเข็บไทย-กัมพูชาในอ่าวไทยมีทรัพยากรธรรมชาติสูงมาก ผมมองว่ารัฐบาลไทยควรเปิดฉากเจรจากับกัมพูชา และแบ่งทรัพยากรกัน เพราะถ้าแก๊สในอ่าวไทยหมดลง สิ่งที่เราจะเจอคือค่าไฟฟ้าพุ่งกระฉูด เนื่องจากต้องนําเข้าแก๊สอัดเหลว เป็นตัวแปรทำให้ค่าไฟแพง”

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดัน โดยระบุว่า “ต้องการให้มีกฎหมายดูแลเรื่องข้อมูลเครดิต เรื่องแบล็กลิสต์ ผมมองว่านี่คือเส้นผมบังภูเขาที่หลายคนมองไม่เห็น แต่ว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ได้เสนอให้ยกเลิก แต่ต้องไม่นำประวัติหรือข้อมูลเครดิตที่ผ่านมาแล้วมาคำนวณหรือเป็นเกณฑ์วัดการกู้ครั้งใหม่ บางครั้งเราชำระหนี้คืนหมดแล้ว แต่ประวัติที่ผ่านมาไม่ค่อยดี ก็ถูกนำมาเป็นตัวตัดสิน ทำให้กูยืมครั้งต่อไปยากขึ้น ผมจึงอยากให้มีกฎหมายกำหนดให้ส่งแค่สกอร์ก็พอ ปิดหนี้เสร็จแล้ว คำนวณเป็นคะแนน และสถาบันการเงินก็ดูเพียงแค่สกอร์ตรงนี้ หรืออาจจะเสริมทางเลือกด้วยการดูวินัยทางการเงินอื่น ๆ ที่เราใช้จ่าย เช่นในช้อปปี้ ในไลน์ นำมาคำนวณเป็นสกอร์เพิ่มคะแนนได้”

“ทุกวันนี้คนติดแบล็กลิสต์รวมประมาณ 5 ล้านคน ช่วงโควิดที่ผ่านมา 3 ล้านคน เขาไม่มีทางหาเงินมาหมุนได้ ทางเลือกคือกู้ยืมนอกระบบ บางคนก็ต้องเป็นหนี้วนไป ไม่จบไม่สิ้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ผมอยากฝากไปถึงรัฐบาล ส่วนทางพรรคชาติพัฒนากล้าก็ผลักดันเรื่องนี้เต็มที่ครับ”

ชมสัมภาษณ์เต็มได้ที่ : https://fb.watch/n2nexoZvTM/?mibextid=TFl8gu