‘อินเดีย’ ปล่อยจรวดส่งยาน ‘อาทิตยา-แอล 1’ ไปสำรวจดวงอาทิตย์แล้ว ใช้เวลาเดินทาง 4 เดือน ระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร ก่อนถึงหมุดหมาย
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation = ISRO) ถ่ายทอดสดการปล่อยจรวดขนส่งยานสำรวจระบบสุริยจักรวาล ‘อาทิตยา-แอล 1’ (Aditya-L1) ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว เพื่อเดินทางไปสำรวจดวงอาทิตย์ที่จะใช้เวลาในการเดินทางเป็น 4 เดือน ภายใต้โครงการอวกาศอันทะเยอทะยานของอินเดีย
หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน อินเดียเพิ่งประสบความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกของโลกที่ส่งยานสำรวจลงจอดบริเวณขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์เป็นผลสำเร็จ และเป็นชาติที่ 4 ของโลกที่ส่งยานอวกาศไปลงดวงจันทร์ได้
จรวดขนส่งนำยานอาทิตยา-แอล 1 ทะยานออกจากฐานปล่อยจรวดของ ISRO บนเกาะศรีหริโคตาเมื่อเวลาก่อนเที่ยงวันของวันเสาร์ (2 ก.ย.) นี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมทางเทคนิคในภารกิจนี้ตลอดจนผู้เฝ้ารอชมอยู่หลายร้อยคน ต่างส่งเสียงเชียร์ปรบมือด้วยความยินดี
“การปล่อยประสบความสำเร็จ ทุกอย่างปกติ” เจ้าหน้าที่ ISRO ประกาศจากศูนย์ควบคุมภารกิจ ขณะจรวดขนส่งนำยานสำรวจมุ่งหน้าสู่ชั้นบรรยากาศตอนบนของโลก
ยานสำรวจดังกล่าวกำลังนำเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เพื่อไปสังเกตการณ์ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ที่จะใช้เวลาในการเดินทางราว 4 เดือน
ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาและองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ส่งยานสำรวจไปยังศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาลมาแล้วหลายครั้ง เริ่มจากโครงการ Pioneer ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) ในทศวรรษ 1960 ขณะที่ญี่ปุ่นและจีนเพียงส่งยานสังเกตการณ์ระบบสุริยะขึ้นสู่วงโคจรโลก
หากภารกิจล่าสุดนี้ของ ISRO ประสบความสำเร็จ อินเดียจะกลายเป็นชาติแรกในเอเชียที่ส่งยานสำรวจไปโคจรรอบดวงอาทิตย์สำเร็จ
นายโสมัก ไรเชาดูรี นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ของอินเดีย กล่าวในวันก่อนว่า นี่เป็นภารกิจที่ท้าทายสำหรับอินเดีย และว่า ภารกิจนี้จะศึกษาการปลดปล่อยมวลขนาดใหญ่ออกมาจากบรรยากาศชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ที่จะเห็นการปล่อยพลาสมาและพลังงานแม่เหล็กจำนวนมหาศาลจากชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ การปลดปล่อยที่ทรงพลังมากเหล่านี้สามารถมาถึงโลกและอาจขัดขวางการทำงานของดาวเทียมดวงต่างๆ ได้
ทั้งนี้ อาทิตยา-แอล 1 ตั้งตามชื่อเทพแห่งดวงอาทิตย์ในศาสนาฮินดู จะเดินทางเป็นระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร เพื่อไปถึงจุดหมาย ซึ่งยังคงเป็นเพียงแค่ 1% เท่านั้นของระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์