มองพรรคการเมืองไทย ผ่านเลนส์ ‘ดร.ธีรภัทร์’ หมั่นรับฟัง ปชช. มุ่งทิ้งปมขัดแย้งในพรรค

แม้หมอกควันความขัดแย้งระหว่าง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะจางลงพร้อมกับหน้าฉากที่หลายคนมองว่า ‘จบสวย’ แต่นั่นก็กำลังสะท้อนภาพความเป็นจริงของเบื้องหลังพรรคการเมือง ที่หากคิดต่างอย่างไม่ลดละ อคติแบบไม่ยอมความ ก็อาจจะนำมาสู่ความเสียหายต่อภาพรวมของพรรคนั้นๆ ทั้งๆ ที่ในโลกแห่งการเมือง ความร้านฉานชั่วขณะ มักมิใช่สิ่งแปลกใหม่อันใด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์’ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นักวิชาการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้มองปมประเด็นดังกล่าวพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวของบรรดาพรรคการเมืองในห้วงเวลานี้กับ THE STATES TIMES ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

ในเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะในองค์กรหรือสถาบันใด ย่อมต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้เสมอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของพรรคการเมือง ที่มักมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ก็มีสิ่งที่หลายคนอาจจะวิตกก็คือ เรื่องของความเห็นที่แตกต่างกันบางครั้ง มันควรจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันในพรรค ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน 

กรณีของคุณ ‘พิธา-ปิยบุตร’ สะท้อนให้เห็นว่า พรรคการเมืองควรจะต้องมีกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นกันมากขึ้น แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังดีที่พรรคก้าวไกลนั้นมีผู้นำอย่าง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ที่แม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์ในการลงสมัครต่างๆ ก็ตาม แต่ตนคิดว่าความคิดเห็นของบุคคลเหล่านี้ ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะผสานความเข้าใจและนำพาพรรคให้เดินหน้าต่อไปได้ 

“อย่างไรเสีย ผมก็ขอเอาใจช่วยพรรคก้าวไกล, ผู้นำ และสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะเชื่อว่าสังคมส่วนหนึ่งก็กำลังฝากความหวังไว้กับพวกท่านอยู่ อยากแนะนำพรรคของท่านให้มุ่งเน้นในการรับฟังเสียงประชาชน ทำนโยบายที่สามารถทำได้จริง หากก้าวไกลทำได้ ย่อมได้เสียงตอบรับจากประชาชนเยอะขึ้น ก็อวยพรให้พรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งในครั้งหน้านี้ด้วย” ดร.ธีรภัทร์ กล่าว 

ดร.ธีรภัทร์ ยังได้ฝากถึงบรรดาพรรคการเมืองในไทยอีกด้วยว่า “ทุกพรรคสามารถนำข้อเสนอแนะของตน ไปปฏิบัติจริงได้เลย หากพรรคของท่านมีทิศทางที่จะเป็นพรรคของมหาชน หรือเป็นพรรคที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนแนวทางไหนที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นพรรคทุนนิยม หรือเป็นพรรคธุรกิจการเมือง ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข เพราะบางพรรคก็ถือเป็นพรรคใหญ่ ซึ่งเคยมีบทเรียนมาหลายครั้งแล้วจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา”

อย่างไรก็ตาม หากมองโดยภาพรวมแล้ว ดร.ธีรภัทร์ ก็ยังแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นของพรรคการเมืองไทย โดยส่วนใหญ่ยังไม่ได้คำนึงถึงบทเรียนที่ผ่านมาในอดีต และถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้จะชนะการเลือกตั้ง หรือก็คือได้ ส.ส. มาถือไว้ในมือมากที่สุด แต่ก็เชื่อว่ามันจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะความคิดทางการเมืองที่ยังไม่ปรับพลิก ไม่ยอมเปลี่ยนทิศให้พรรคเดินในมิติของการเมืองสร้างสรรค์ มันก็วกกลับมาเป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่งเหมือนเดิม และสุดท้ายมันก็จะวนกลับมาเป็นตัวถ่วง ‘ระบอบประชาธิปไตย’ ในอนาคตซ้ำๆ


เรื่อง: วายุ เอี่ยมรัมย์ Content Editor