ปอ ตนุภัทร เปิดใจครบรอบ 1 ปี แตงโมเสียชีวิต ชี้ รู้ซึ้งถึงธรรมะ
ถือเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงในวงกว้างของสังคมในหลากหลายแง่มุม สำหรับการเสียชีวิตของนักแสดงหญิง 'แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์'
แน่นอนว่าหนึ่งในคนที่ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็คือทางด้านของ 'ปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์' เจ้าของเรือและหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
ถึงวันนี้ผ่านมาปีกว่าแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้างกับเจ้าตัว และเขามองเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร?
"ต้องบอกว่าใน 1 ปีที่ผ่านมาเนี่ย ผมอาจจะมีคนรู้จักในวงการรถยนต์ แต่ถึงวันนี้ผมเชื่อว่าเกินกว่าค่อนประเทศรู้จักผมจากอุบัติเหตุชีวิต มันเป็นนาทีชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดแอคซิเดนขึ้น แต่หลังจากที่มันเกิดขึ้นเนี่ย เราต้องตั้งสติเพื่ออยู่กับปัญหาที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว"
"แล้วเราก็จะโดนพายุโหมกระหน่ำเข้ามาจากข่าวก็ดีจาก topic ที่คน create กันขึ้นมา โดยประโยชน์ต่าง ๆ ก็ว่ากันไป มันทำให้มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อย่างที่ 1 ที่เราเรียกว่าสติ อย่างที่ 2 ผมได้เข้าใจแกนของธรรมมันเรียกว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป วันนึงก็มีข่าวอะไรผุดขึ้นมา มันเกิดขึ้นแล้ว แล้วมันจะอยู่ไม่เกิน 2-3 วันมันก็ดับไป"
"แต่ถ้าเราไม่ไปติดตาม เราไม่ไปอะไรกับมัน ความจริงน่ะครับ เมื่อผ่านถึงจุด ๆ หนึ่งความจริงก็จะปรากฏ"
"ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ดูอยู่วันนี้ท่านจะมีวิจารณญาณว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่ถามว่าเรื่องทางคดีก็มันก็คือมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าในรูปแบบของทางกฎหมาย เค้าเรียกการประมาท ซึ่งมันจะมีกระบวนการทางกฎหมายในการจัดการพวกนี้ อันนั้นก็อยู่ในรูปแบบของกระบวนการยุติธรรม"
"ชีวิตของเราเนี่ยครับ มันไม่แน่นอน ของมนุษย์ทุกคนไม่แน่นอน ถ้าดูจากชีวิตผม ซึ่งเราทำธุรกิจชัดเจน หลาย ๆ คนก็รู้จักผมในวงการรถยนต์ไปเจออุบัติเหตุเรื่องนี้มา มันคือคำว่าไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นเนี่ยคำว่าแน่นอนคือไม่แน่นอน อะไรที่มันไม่แน่นอนมันคือแน่นอน แต่สำคัญที่สุดครับอะไรเกิดขึ้นกับเราอย่างแรกที่เราต้องมีคือ สติ"
"อย่างที่ 2 คือความชัดเจน ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดน่ะครับจะไม่มีใครมายัดเยียความผิดนั้นให้กับเราได้ ถึงแม้จะมีความพยายามใส่ร้ายป้ายสีใด ๆ วันนึงเวลาก็จะปรากฏข้อเท็จจริง"
รับเรื่องที่เกิดขึ้นทำแนวคิดเปลี่ยนไป...
"โอ้โห เปลี่ยนเยอะครับ เปลี่ยนแบบจากหนุ่มไฟแรง สู้ทุกเหตุการณ์เปลี่ยนเป็นฟัง ใจเย็น ประมวลผลคิดถึงผลลัพธ์เยอะ ๆ ใช้ชีวิตระวังขึ้น ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีคุณค่ามากที่สุด"
"ผมพูดอย่างนี้ครับการที่มันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นครั้งนี้มันเป็นเหตุการณ์ที่มันยิ่งใหญ่สิ่งที่มันไม่คาดฝัน มันก็เข้ามา สิ่งที่เราคิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเนี่ยแต่มันกลับกลายเป็นประเด็นของสังคม ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ไปถึงหลายประเทศ สิ่งแรกเราต้องตั้งสติ แล้วถามตัวเองว่า เฮ้ย อันนี้เราทำอะไรผิดมั้ย ข้อเท็จจริงเราได้ให้หมดหรือเปล่า"
"ทำไมตอนนั้นเราตัดสินใจแบบนั้นเ รื่องนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตเรา แต่มากกว่านั้นนะครับ คือ... สิ่งที่คนอื่น เอาปัญหาความเสียหายตรงนี้มาเจอแล้วเกิดขึ้นเป็นโอกาส พูดแต่งเรื่องจนเป็นประเด็นใหญ่ สิ่งที่เราต้องอยู่กับตรงนั้นเราเรียกว่า ต้องพิจารณา"
"ความยากของผมที่สุดในวันนั้นถ้าเกิดเรื่องแบบผมเกิดขึ้นเนี่ยมันเรียกว่า crisis crisis ที่ถูกคนโหมด่าทั้งประเทศ แล้วเอนไปในทางที่เข้าใจผิดเนี่ยเราจะอยู่กับเรื่องนี้อย่างไร เราจะถามใคร ถามรุ่นพี่ ถามพ่อ ไม่มีใครเคยเกิดแบบนี้เกิดขึ้น crisis ที่ถูกคนว่าทั้งประเทศ ตกเป็นจำเลยสังคม โดยที่คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไรด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่เราพูดไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการของคดี แล้วพูดไปคนอาจจะไม่ฟังด้วยซ้ำ"
"วันนั้นสิ่งที่ต้องทำอย่างเดียวคือเรียนรู้ถึงปัญหาที่เกิดหรือว่าธรรมชาติ ผมเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนจะมีจุดที่สูงที่สุดของชีวิต แล้วจะมีจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิต ขึ้นอยู่ว่าจะมาตอนไหน ในรอบชีวิตมนุษย์หนึ่งคนผมเชื่อว่าจะต้องมีจุดนั้น แต่สำคัญช่วงที่ขึ้นสูงที่สุดคุณตื่นเต้น คุณลืมตัวหรือเปล่า ตอนที่ตกสุด คุณโอดครวญคุณจะฆ่าตัวตายหรือคุณจะทำอะไร ตัดสินใจผิด ๆ มั้ย"
ลั่นแล้วเวลาจะทำความจริงจะปรากฏ...
"สุดท้ายผมอยากให้มองอย่างนี้ครับยามที่คุณเกิด crisis ชีวิตสังเกตดี ๆ นะครับมันจะมีคนที่ป่วย เขาก็ไม่ได้อยากป่วยโรคร้ายมาพลัดพรากจากเขา เขามีคนที่เขารัก รักที่สุดในชีวิตเขาก็ไม่อยากให้คนรักจากเขาไป เขามีธุรกิจ อยู่เฉย ๆ ก็โควิดมาธุรกิจเขาพัง"
"เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรืออย่างผมที่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยปัญหาเกิดขึ้น อุบัติเหตุเกิดขึ้น เราไม่มีสิทธิ์แม้จะแก้ตัว แต่สุดท้าย ถ้าเรามีสติเราเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้มันธรรมชาติที่มันจะมีจุดขึ้นและจุดลงของชีวิตถ้าคุณไม่ได้ทำความผิดคุณอยู่กับความจริงเวลาครับ"
"เวลาจะเป็นเครื่องช่วยพิสูจน์ให้คุณอดทนพอมันผ่านเวลาที่แย่นั้นไป เขาบอกฟ้าหลังฝนงดงามเสมอนี่มันจริง เพราะอะไรรู้มั้ยครับ วันที่เราเจอเหตุการณ์ที่เราย่ำแย่เนี่ยมันเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่พอมันผ่านไปครับ เคยอยู่จุดที่แย่แล้วมันจะมีแต่เรื่องที่ดีขึ้นต่อไป เพราะฉะนั้นครับ ผมอยากฝากว่า...วันนึงใครที่เจอ crisis ชีวิตแบบผม ให้ดูตัวอย่างครับ วันที่ผมเจอเรื่องราวที่มันเลาวร้ายมากๆ ต้องอดทน อยู่กับความจริง แล้วเวลาจะช่วยรักษาเรา เรื่องจริงทั้งหมดก็จะปรากฏ..."
ที่มา: https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000015977