‘เพื่อไทย’ เดินหน้าอัดบิ๊กตู่ ปม ‘ตู้ห่าว-หลานชาย’ แถมประเด็นอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ‘เก็บส่วย’

(16 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งกรอบเวลาในการอภิปรายวันแรกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ไป 12 ชั่วโมง 58 วินาที พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลาไป 19 นาที 40 วินาที คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 3 นาที 33 วินาที รวมเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด 14 ชั่วโมง 24 นาที 11 วินาที โดยในวันนี้เหลือเวลาอีก 15 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้เวลาอภิปราย 12 ชั่วโมง ครม.และพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้เวลาชี้แจงและอภิปราย 3 ชั่วโมง

จากนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกอบด้วย น.ส.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย และนายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น ได้ฉายภาพรวมการแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศไทย ส่งผลต่อสังคมเกิดเหตุในครอบครัวรายวันมีทั้งลูกฆ่าพ่อ ลูกฆ่าแม่ นำไปสู่การสูญเสีย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้ปราบปรามและดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ต่อมานายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรค พท. ได้เปิดคลิปหนึ่งที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย โดยมีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือหาวเจ๋อ ตู้ กำลังสนทนากับคนกลุ่มหนึ่งโดยระบุว่า เมืองไทยถ้ามีเงินทำได้ทุกอย่าง มีเงินเท่านั้น อัยการก็สั่งไม่ฟ้อง

จากนั้นนายวิสาร กล่าวว่า ที่นายตู้ห่าวพูดจายิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ เพราะทำค้าขายและประกอบธุรกิจกับบริษัทหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ ที่ธุรกิจของนายตู้ห่าวเติบโตก่อร่างสร้างตัวได้นั้นด้วยเพราะอาศัยอำนาจ และความใกล้ชิดจากหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิสารยังได้กล่าวถึงบริษัทหลาน พล.อ.ประยุทธ์ว่าได้จดทะเบียนวัตถุประสงค์ของบริษัทว่าเป็นเพียงรับเหมาก่อสร้าง แต่ปรากฏภายหลังว่าได้ทำธุรกิจเช่ารถทัวร์ 50 คัน ที่เกี่ยวโยงกับนายตู้ห่าวด้วย ซึ่งพบความผิดปกติ เช่น ทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทเพียง 3 ล้านบาท แต่ไปเช่ารถทัวร์มีวงเงินถึง 175 ล้านบาท อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังมาบอกภายหลังว่าหารถซึ่งเป็นหลักฐานไม่เจอ ยอมรับตามตรงว่ารู้สึกเป็นห่วงและกังวลว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร และอยากถามว่าแบบนี้ใครฟอกเงินกันแน่ จีนเทามาให้เราฟอกหรือหลานท่านไปฟอกให้

นายวิสาร ยังได้กล่าวถึงกรณีส่วยของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ว่า อยากให้นายกฯ ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะภายหลังที่เกิดเรื่อง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกหนังสือเพื่อตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เพียงข้ามคืนจากวันที่ 27 ธันวาคมเป็นวันที่ 28 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ลงนามมีคำสั่งให้นายรัชฎาไปช่วยราชการสำนักนายกฯ ถือเป็นการเซ็นข้ามหัวกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งความจริงสามารถพักราชการได้แต่กลับเลือกให้เขาไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ แทน เปรียบเหมือนเอาลูกไก่ไปอยู่ในปีกแม่ไก่ นอกจากนี้อดีตอธิบดีรายดังกล่าวยังไปไล่ฟ้องต่อ ปปง. และคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดกระทรวงอีกด้วย

“จากการสืบค้นข้อมูลที่เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้ เพราะพบว่าพี่ชายของนายรัชฎาหรืออดีตอธิบดีคนดังกล่าวเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่นที่ 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ และได้ข่าวว่าอดีตอธิบดีคนนี้ นายกฯได้ฟูมฟักให้เขาได้เติบโตในหน้าที่ราชการเป็นลำดับจนได้กลายเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯในที่สุด เรื่องนี้ผมขอเรียกร้องให้นายกฯ เป็นผู้ชี้แจง และขอนายวราวุธ ศิลปอาชาอย่าตอบ เพราะยิ่งตอบยิ่งเปลืองตัว เพราะไม่เกี่ยวกับท่าน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่าจริงก็แล้วไป แต่ถ้าท่านบอกว่าไม่จริง ท่านกล้าสาบานหรือไม่ ว่าท่านไม่ได้ไปบอกให้ใครแต่งตั้งบุคคลคนนี้ เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะสาบานกับสร้อยพระที่ห้อยคอท่านอยู่ก็ได้” นายวิสารกล่าว


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/325215/