The Last Dance การเต้นรำครั้งสุดท้ายของ ลิโอเนล (เมสซี่) จากผู้ปลุกผีฟ้าขาวที่ชื่อ ลิโอเนล (สกาโลนี่)
และแล้วเราก็ได้คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
โค้งสุดท้ายแล้ว เกือบ 1 เดือนเต็มที่หลายคนอดตาหลับขับตานอนเพื่อดูฟุตบอลโลก ชมและเชียร์ทีมรักให้ถึงเป้าหมาย และอย่างที่ทราบครับ อาร์เจนติน่า เป็นทีมแรกที่เข้าไปชิงชนะเลิศในปีนี้ โดยคู่แข่งคนสำคัญในนัดชิงคือ แชมป์โลกครั้งที่แล้ว ฝรั่งเศส สมน้ำสมเนื้อครับ
สิ่งที่น่าสนใจที่อยากมาเล่า คือ บทสัมภาษณ์ของ เมสซี่ ที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่าฟุตบอลโลกหนนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเค้าแล้ว เพราะตอนนี้ก็อยู่ในวัย 35 ปีแล้ว อะไรที่เค้ามีและสามารถช่วยทีมได้ ก็จะพยายามทุ่มเทให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า
แน่นอนว่า ชื่อชั้นของ เมสซี่ เกิดขึ้นอย่างว่องไว ด้วยวัย 22 ที่คว้าบัลลังดอร์มาครองครั้งแรกได้ แต่ต่อให้ทำได้ดีแค่ไหนก็มักจะมีเสียงวิจารณ์ถูกเป็นแพะรับบาปในวันที่อาร์เจนติน่าไม่ชนะบอลโลกกับเขาเสียที
แม้ผลงานที่โดดเด่นในระดับสโมสรจะส่งให้ เมสซี่ เหมือนอยู่ในตำแหน่งที่ยิ่งสูงยิ่งหนาว ซึ่งเป็นจุดที่ใครๆ ก็โยนความคาดหวังให้กับชายคนนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายครั้งที่มีการพูดถึง เมสซี่ ว่าเป็นคนคาตาลันรึป่าว เค้าจึงไม่พร้อมหรือไม่เต็มทีกับทีมชาติอาร์เจนติน่า เมสซี่ ใหญ่เกินไป ใหญ่เกินทีมทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นยาก หรือบ้างก็อาจจะพูดถึงในเชิงอิทธิผลของ เมสซี่ ที่เหนือกว่าโค้ช
วิบากกรรมของ เมสซี เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะผลงานในฟุตบอลโลก ยังไม่ถึงฝั่งฝันในการคว้าโทรฟี่นี้มาครอง ซึ่งหากย้อนกลับไปช่วงทีมชาติตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2005 จนถึงปัจจุบัน 2021 อาร์เจนติน่ายังคงวนเวียนอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ เรื่องเดิม ๆ ของความผิดหวังใกล้เคียงที่สุดในการเป็นรองแชมป์โลกในปี 2014 แพ้เยอรมนี รวมถึงการเป็นรองแชมป์โคปาอเมริกา แต่มันก็ยังไม่ถึงแชมป์ตามตั้งใจสักทีนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ เมสซี่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง
ครั้งนึงถึงขั้น ดิเอโก้ มาราดอนน่า ตำนานของทัพฟ้าขาวยังเคยออกมาสนับสนุนให้ เมสซี่ เลิกเล่นทีมชาติจริงๆเพราะว่าโดนเยอะมากและเห็นใจ เมสซี่มากๆ และมองว่าเหตุการณ์ไหนที่พาอาร์เจนฯ พ่ายแพ้ แพะที่ชื่อเมสซี่จะปรากฎโดยทันควัน จนแนะให้เลิกเล่นทีมชาติเพื่อเซฟตัวเองน่าจะดีกว่า
ขณะที่ ฮอร์เก้ ซามเปาลี อดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า ก็เคยออกมาเปิดเผยภายหลังว่าปัญหาของทีมชุดนี้มันอาจเป็นเพราะ เมสซี่ แบกทีมมากเกินไป ไม่มีใครพยายามช่วยเค้าเลย โดนรุมกินโต๊ะอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถสร้างการเล่นได้มหัศจรรย์เหมือนแบบที่ บาร์เซโลน่า อาร์เจนติน่าจะไปได้ไกลแค่ไหนส่วนสำคัญมันขึ้นอยู่กับความเฉลียวฉลาดของ เมสซี่ แต่ทีมของเราไม่มีนักเตะไปเชื่อมโยงการเล่นกับค้าได้เลยมันจึงน่าผิดหวังมากๆ และน่าโมโห แรงผลักดันของทีมๆ นี้ก็คือ เมสซี่ แต่เรากลับหาเค้าไม่เจอ เราไม่มีความเป็นทีมเลย เราขาดการทำงานรวมกัน นั้นคือภาพรวมก้อนใหญ่ๆ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ติทีมชาติตั้งแต่ปี 2005 บทบาทของ เมสซี่ กับ อาร์เจนติน่ามันคือ THE แบก มันคือ One For All ถึงแม้จะยังไม่เกียรติยศในรูปธรรมแต่ส่วนนึงก็ต้องยอมรับว่าเป็นระยะเวลาเกิน 15 ปี กับเมสซี่ที่ต้องรับบทบาทนี้และเค้าก็ทำมันอย่างเต็มที่
โลกของฟุตบอล One For All มันอาจไม่ตอบโจทย์เพราะนี้คือเกมของการเล่นเป็นทีม มันต้องเปลี่ยนให้เป็น All For One ให้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องช่วยเหลือกันเพื่อความเป็นทีม เป็น 1 เดียวให้ได้และนั้นคือสิ่งที่ อาร์เจนติน่าเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนจะมาบอลโลกในครั้งนี้ แต่แน่นอนครับแฟนบอลรอคอยในการที่จะดูฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ เมสซี่ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน
จุดพลิกผัน!!
ภายหลังทีมชาติอาร์เจนติน่าเริ่มต้นหลังจากตกรอบ 16 สุดท้าย ปี 2018 แพ้ฝรั่งเศส 4-3 ฮอร์เก้ ซามเปาลี กุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่าอำลาทีมไป คนที่เข้ามาคือ ลิโอเนล สกาโลนี่ จากตอนแรกขึ้นมาในหน้าที่โค้ชรักษาการ เพราะ สกาโลนี่ เคยทำงานอยาในทีมของ ซามเปาลี อยู่แล้วเพียงแต่ว่าโค้ชหนุ่มคนนี้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงให้ทุกอย่างกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วค่อยๆ แก้ไขจุดอ่อน สกาโลนี่ บอกว่าขอสรุปในการล้มเหลวจากบอลโลกปี 2018 ผมพบว่าการที่เราแพ้ให้ ฝรั่งเศส และ โครเอเชีย เป็นเพราะว่าเสียบอลในตำแหน่งที่ไม่ควรเสียมากเกินไป เราตั้งขบวนเกมรับไม่เป็น ขนาดที่พวกเค้าซ้อมกันมาเป็นอย่างดีและใช้เวลาแค่ 3-4 วินาที เข้าโจมตีและเปลี่ยนโอกาสนั้นให้เป็นประตู ซึ่งนี้คือต้นแบบโมเดิร์นฟุตบอล แล้วสกาโลนี่ก็ค่อยๆ นำศาสตร์ตรงนี้เข้ามาปรับเปลี่ยนทีมชาติอาร์เจนติน่า เล่นบอลให้จังหวะน้อยลง ตรงไปตรงมา เล่นไดเร็คฟุตบอลมากขึ้น บอลจากรับสู่รุกใช้เวลาน้อยลง ส่วนเรื่องนอกสนาม สกาโลนี่ ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ความเป็นรุ่นพี่ค่อยๆ ประคับประคองให้เกิดความปรองดอง
โรดริโก้ เดอ ปอล 1 ในนักเตะอาร์เจนชุดนี้ บอกว่าช่วงแรกที่ สกาโลนี่เข้ามาเป็นโค้ชคนใหม่หลายคนมีความวิตกกังวล หวาดระแวง ไม่ยอมเปิดใจต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างมาเหมือนพักเบรคจากการทำงานแล้วก็มารวมตัวกันแล้วก็แยกย้ายมันออกไปแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ซ้อมเสร็จประชุมเสร็จแยกย้ายเข้าห้อง แต่มันก็เริ่มค่อยๆ ดีขึ้น
3ปีผ่านไป เห็นสิ่งที่มันแตกต่าง!!
เดอ ปอล บอกว่า สกาโลนี่ปลูกฝั่งทัศนคติของผู้ชนะให้กับนักเตะทุกคน เค้ารวมทีมได้เป็น 1 จากการทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีเช่น มีวินัยในการกิน ออกกำลังกาย ทักทายทุกคน ทำให้ทุกๆ คนอย่ในทีมจริงๆ และช่วยเหลืออย่างที่ควรจะเป็นสร้างปฏิสัมพันธ์ด้วยตลอดเวลา ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างมันลงตัวขึ้น
ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังยอมรับว่า นาทีนี้มันเป็นบรรยากาศของทีมชาติในช่วงที่น่าจะดีที่สุดตั้งแต่เค้าเล่นให้อาร์เจนติน่ามา ซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นอย่างรูปธรรมคือการคว้าแชมป์โคปาอเมริกาเมื่อปี 2021 เอาชนะบราซิล 1-0 สกาโลนี่ ทำให้ทีมก้าวกระโดดขึ้นไป
เมสซี่ พูดถึง สกาโลนี่ว่าโค้ชคนนี้สะท้อนให้เห็นว่าเค้าเป็นพวกเดียวกับเรา รวมพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวได้ เป็นคนใจกล้า ใจกว้าง โดยเฉพาะการเข้ามารับงานในช่วงที่ดูสุ่มเสี่ยง เพราะหลังจาตกรอบฟุตบอลโลก 2018 มันดูเหมือนเป็นยุคมืดของทีมชาติอาร์เจนติน่าด้วยซ้ำไป แต่ สกาโลนี่ กล้าหาญมากที่ขึ้นมารับงาน เค้าเชื่อใจนักเตะทุกคน ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ อายุน้อย หรือตัวเก๋าประสบการณ์ สกาโลนี่ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างให้เติบโตและเดินไปพร้อมๆ กัน นั่นคือสาเหตุสำคัญที่เค้าแสดงออก และเด็ก ๆ มีความมั่นใจและเชื่อใจ
ส่วนเรื่องของแท็กติกก็ต่อยอดจากยุค ฮอร์เก้ ซามเปาลี ที่เคยบอกว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเพราะ เมสซี่ คือ The แบก แบกรับทุกสิ่งอย่างแต่ผู้เล่นคนอื่น ก็ไม่สามารถไปช่วยหรือแบ่งเบางานของ เมสซี่ ได้ มันจึงเกิดช่องว่าง เกิดความห่างขึ้น ซึ่ง สกาโลนี่ จับจุดนี้ จุดที่เรียกว่า บอดี้การ์ด เมสซี่ มันก็หมายถึงตัวชนตัวบล็อกต่างๆ โดยเฉพาะ 2 คู่มิดฟิลด์ตัวกลาง โรดริโก้ เดอ ปอล กับ เลอันโดร ปาเรเดส ถ้านึกภาพตามแบบอเมริกันฟุตบอล เมสซี่ คือควอเตอร์แบ็ค ส่วน เดอ ปอล กับ ปาเรเดส ก็จะเป็นตัวชนให้ ขณะที่การเล่นเกมรับ สิ่งที่พวกเค้าใช้ คือ พลังของตัวเอง วิ่งไล่ล่าทุกสิ่งอย่างและแย่งบอลกับมาให้ไวที่สุดและเมื่อได้บอลแล้วก็ทำสิ่งต่อไปก็คือ หาเมสซี่ให้เจอ และส่งบอลออกไปเพื่อให้ เมสซี่ มีพื้นที่และเวลาในการเล่น เพราะการเล่นเพลย์เดียวของเมสซี่บางครั้งก็เปลี่ยนรูปโฉมของเกม จนสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้
ทั้งหมดทั้งมวลคือการเปลี่ยนโฉมของทีมชาติอาร์เจนติน่าซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ
การเดินทางเริ่มติดทีมชาติครั้งแรกปี 2005 เริ่มต้นด้วยการเป็น One For All เป็น The แบกของทีมทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น แต่วันนี้ สกาโลนี่ ปรับเปลี่ยนให้เป็น All For One ทุกคนต้องช่วยเหลือกันเล่นเป็นทีม และถ้าคุณเชื่อว่า เมสซี่ คือ ผู้บันดาลชัยชนะได้ ทุกคนก็ต้องช่วยกันให้เมสซี่ได้มีเพลย์ที่ดีที่สุด
เราไม่รู้หรอกว่าในนัดชิงชนะเลิศชัยชนะครั้งนี้จะเป็นของใครระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส
แต่นี้คือการเต้นรำครั้งสุดท้ายของ ลิโอเนล เมสซี่ และผู้ที่เปิดทางนี้ให้ คือ ลิโอเนล สกาโลนี่
เรื่อง: เอก วงษ์อารีย์ Content Manager Special