'อนามัยโลก' เปลี่ยนชื่อฝีดาษลิง เป็น 'เอ็มพ็อกซ์' เลี่ยงเหยียดเชื้อชาติ

(29 พ.ย. 65) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำการเปลี่ยนชื่อโรคฝีดาษลิงเป็น ‘เอ็มพ็อกซ์’ (mpox) เพื่อหลีกเลี่ยงการเหมารวมและการตีตราที่เหยียดเชื้อชาติ

แถลงการณ์จากองค์การฯ ระบุว่า จะมีการใช้ชื่อ ‘โรคฝีดาษลิง’ และ ‘เอ็มพ็อกซ์’ พร้อมกันเป็นเวลาหนึ่งปี ระหว่างการทยอยยกเลิกใช้ชื่อ ‘โรคฝีดาษลิง’ โดยการดำเนินการนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มคนและประเทศจำนวนมากแสดงข้อกังวลในการประชุมหลายครั้ง และร้องขอให้องค์การฯ เสนอแนวทางปรับเปลี่ยนชื่อ เนื่องจากชื่อ ‘โรคฝีดาษลิง’ ได้สร้างปัญหาเหยียดเชื้อชาติ และเป็นการสร้างตราบาป หลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในกว่า 100 ประเทศ 

โดยระยะเวลาการเปลี่ยนชื่อหนึ่งปีนั้น จะช่วยลดความกังวลของผู้เชี่ยวชาญกรณีผู้คนอาจเกิดความสับสน และยังมอบเวลาการแก้ไขบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ (ICD) และปรับปรุงสื่อสิ่งพิมพ์ขององค์การฯ อีกด้วย 

ทั้งนี้เมื่อเดือนกรกฎาคม องค์การฯ ประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงในหลายประเทศนอกพื้นที่ระบาดดั้งเดิมในแอฟริกาเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการแจ้งเตือนระดับสูงสุดขององค์การฯ

รายงานระบุว่าองค์การฯ มีความรับผิดชอบในการกำหนดชื่อโรคอุบัติใหม่และโรคที่มีอยู่เดิมผ่านกระบวนการปรึกษา ซึ่งครอบคลุมประเทศสมาชิกขององค์การฯ โดยการปรึกษาหารือเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงมีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐบาล 45 ประเทศเข้าร่วม

สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศและองค์กรที่สนับสนุนการเปลี่ยนชื่อโรคฝีดาษลิงออกมาแสดงความชื่นชมต่อประกาศของ WHO โดย โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่า CDC จะเริ่มเรียกชื่อโรคนี้ว่า mpox ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

“เราขอชื่นชมและสนับสนุนการเปลี่ยนชื่อเป็น mpox เพื่อลดการสร้างตราบาปและอุปสรรคในการรักษาสำหรับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด” วาเลนสกี ระบุ 

อนึ่ง องค์การฯ เผยว่าเมื่อนับถึงวันเสาร์ (26 พ.ย.) ประเทศสมาชิกองค์การฯ 110 ประเทศ รายงานพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันโดยห้องปฏิบัติการ 81,107 ราย และผู้ป่วยต้องสงสัย 1,526 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 55 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ (ร้อยละ 92.3) และทวีปยุโรป (ร้อยละ 5.8) ขณะจำนวนผู้ป่วยใหม่รายสัปดาห์ทั่วโลกลดลงร้อยละ 46.1 ในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 21-27 พ.ย. 


ที่มา: แท็ก @XinhuaNewsAgency.th