พท.ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยคำวินิจฉัยศาลรธน. ชี้ ตัดสินให้ ‘บิ๊กตู่’ อยู่ต่อ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

พท.ออกแถลงการณ์ลั่นไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยศาล รธน. โวยมีปัญหาความชอบด้วย รธน. ห่วงการตีความที่ไร้หน่วยตรวจสอบได้ ปลุกทุกฝ่ายหาทางออก

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท.อ่านแถลงการณ์พรรค พท.กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สิ้นสุดลงว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยตามคำร้องที่ประธานสภาฯ ได้ขอให้วินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ สิ้นสุดลงหรือไม่ กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปีในวันที่ 24 ส.ค. 65 โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าความเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่สิ้นสุดลง โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลใช้บังคับนั้น จะเห็นได้ว่าภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าว เชื่อได้ว่าจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นักวิชาการและประชาชนในวงกว้าง ที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย ซึ่งพรรคพท.เคารพในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและผลผูกพันแห่งคำวินิจฉัย แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในเหตุผลแห่งคำวินิจฉัย 

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร การตีความต้องยึดตามบทบัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษร และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญประกอบกัน เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 บัญญัติห้ามการดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี และให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญประกาศใช้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์แม้จะดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ แต่เมื่อถือเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ ลงวันที่ 24 ส.ค. 57 ก็ยังคงมีผลใช้อยู่ต่อเนื่องมาภายหลังวันที่ 6 เม.ย. 60 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ การตัดตอนเอาวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ เป็นวันเริ่มดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ไม่อาจหาตรรกะใดมาอธิบายได้ อีกทั้งข้อเท็จจริงปรากฏชัดในบันทึกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ว่าให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ก่อนวันรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับรวมด้วย อันถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนของเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประชาชนก็รับรู้เป็นการทั่วไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งมาแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 57 ซึ่งครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค. 65

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า พรรคจึงเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายในการตีความ ที่นักวิชาการกฎหมายและสังคมต้องร่วมกันคิด ว่าหลักคิดและเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีเหตุผลที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงช่วยกันทบทวนถึงบทบาทการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะบทบัญญัติที่ให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กรนั้นควรจะมีการทบทวน เพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบให้เกิดความเหมาะสมอย่างไร พรรคพท.มิได้กังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ต่อไปจนถึงครบวาระในเดือนมี.ค.66 และยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้อีกหลังเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า 

“แต่สิ่งที่พรรคห่วงและกังวลก็คือ ปัญหารากเหง้าที่กลืนกินสังคมไทย ที่สั่งสมมาตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อแปดปีที่ผ่านมา จะได้รับการเยียวยาแก้ไขเพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่สังคมประชาธิปไตย มีหลักนิติรัฐนิติธรรมโดยแท้จริงอย่างไร ที่น่าห่วงกังวลอีกประการคือบรรทัดฐานความความถูกต้องของการใช้ และการตีความรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเห็นว่าน่าจะมีปัญหา แต่ไม่มีกลไกใดที่จะตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันคิดและหาทางออกต่อไป” นายประเสริฐ ระบุ