อย่าหลงเชื่อวาทกรรมรบ.ไทยซูเอี๋ยมินอ่องหล่าย แนะศึกษาก่อนโจมตี ปมนางงามโดนถอนพาสปอร์ต

เป็นข่าวดังมากในชั่วข้ามคืนกับเหตุการณ์ที่ ฮันเล มิสแกรนด์เมียนมาถูกยกเลิกพาสปอร์ต  ซึ่งเจ้าตัวกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เดินทางกลับเข้าไทย โดยทางการไทยปฏิเสธการให้เข้าเมืองเนื่องจากพาสปอร์ตถูกยกเลิก โดยเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปก็มีสื่อหลายกระแสและประชาชนจำนวนไม่น้อยที่พุ่งเป้ามายังรัฐบาลไทยว่ามีส่วนรู้เห็นจนเป็นที่มาของการถูกถอนพาสปอร์ตดังกล่าว หยาบคายไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นลิ่วล้อมิน อ่อง หล่าย จากประเด็นนี้ วันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์แต่ละข้อแต่ละจุดว่ารัฐบาลไทยไปเกี่ยวข้องอะไรไหมให้เข้าใจกัน

1. ประเด็นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าพาสปอร์ตเปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยประเทศต้นกำเนิดของเจ้าตัว ดังนั้นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้นเปรียบเสมือนการถอนสัญชาติกลายๆ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งต่างจากการเพิกถอนวีซ่า เพราะวีซ่าเสมือนตั๋วที่เป็นใบผ่านให้เข้ามาอยู่ในประเทศปลายทางได้ ดังนั้นในกรณีนี้สมมุติว่าประเทศไทยมีเอี่ยวกับเหตุการณ์นี้จะต้องทำการเพิกถอนวีซ่าไม่ใช่พาสปอร์ต 

2. การที่ไทยปฏิเสธเป็นไปตามมาตรา 12 ในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ในข้อ 11 ที่ว่า “ถูกรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลต่างประเทศเนรเทศ หรือถูกเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัยในราชอาณาจักรหรือในต่างประเทศมาแล้ว หรือถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร โดยรัฐบาลไทยเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เว้นแต่รัฐมนตรีได้พิจารณายกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย” จากข้อนี้ค่อนข้างจะชัดเจนว่าเมื่อทางเมียนมาเพิกถอนพาสปอร์ตก็เปรียบเสมือนการเนรเทศหรือเพิกถอนสิทธิ์การอยู่อาศัยในประเทศต้นกำเนิดดังนั้นพนักงานเจ้าหน้าไม่จึงไม่สามารถให้เข้าประเทศได้ ซึ่งรายนี้ถือว่าได้สิทธิพิเศษในการติดต่อกับ UNHCR เพื่อให้พักพิงชั่วคราวก่อนลี้ภัยต่อไปประเทศที่ 3 โดยการที่ไทยเลือกที่จะไม่ผลักดันออกนอกประเทศทันทีนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไทยได้แสดงออกถึงมนุษยธรรมและไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับทางการเมียนมา เพราะถ้าทางรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์พิเศษ ทางไทยสามารถเลือกจับนางงามเมียนมาส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางเมียนมาก็ได้

3. การกระทำของรัฐบาลไทยไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับผู้อพยพชายแดนพบพระ แม่สอด ท่าสองยางก็ดี หรือในกรณีที่ไทยไม่ได้กระทำอะไรต่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารในเมียนมาก็ดี หรือแม้กระทั่งการที่ ฮัน เลย์ ใช้ชีวิตทำงานในไทยได้อย่างปกติปลอดภัย นั่นก็น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่า ไทย ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ดี หรือพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณก็ดี ไม่ได้มีการสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมา เพียงไทยทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีตามหลักมนุษยธรรมเท่านั้น

การที่กลุ่มบางกลุ่มหรือคนบางคนนำข้อความเหล่านี้ไปบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลไทยอาจจะต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า ตนได้ศึกษาบริบทความหลังของเรื่องราวต่างๆมามากน้อยเพียงใดรวมถึงมีเจตนาใดในการให้ร้ายรัฐบาลไทยหรือต้องการสร้างความรับรู้ผิดๆและบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังโดยการนำประเด็นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทยเลยมาเป็นสาระหาความชอบธรรมให้แก่พวกพ้องตัวเอง จุดนี้คงต้องฝากไว้ให้คิด…