เมื่อสภาพัฒน์ฯ ทำตัวแบบมีธงในการขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ นอกจากเอ็นจีโอแล้ว ใครคือไอ้โม่ง ที่อยู่เบื้องหลัง และรักษาการนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช.) โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ซึ่งเป็นโครงการการสร้างเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นการลงทุนของเอกชน โดยการสนับสนุนของรัฐบาลที่มี วัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญ เป็นเกตเวย์ หรือท่าเรือ เพื่อการส่งออกที่เป็นประตูที่ 3 ของประทศสู่โลกภายนอก เพื่อการแข่งขันกับนานาประเทศที่เป็นคู่แข่งของประเทศไทย
ซึ่งการเริ่มเข้ามาขับเคลื่อนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยการที่ สสช. ส่ง เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ เพื่อจัดทำรายงานการศึกษาระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ได้สร้างความดีใจกับคนส่วนใหญ่ของ อ.จะนะ ไม่เฉพาะแต่คนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ นาทับ, สะกอม และ ตลิ่งชัน ที่เป็นพื้นที่ตั้งของโครงการ เพราะคนทั้ง อ.จะนะ เชื่อว่า ถ้าโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เกิดขึ้นได้จริง ต้องส่งผลถึงผู้คนใน หลายสาขาอาชีพ ของคนจะนะ และใกล้เคียงด้วย
แต่...ประชาชนที่ต้องการเห็นการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เริ่มไม่แน่ใจว่าการลงพื้นที่ของ เจ้าหน้าที่ชุดนี้จากสภาพัฒน์ เพื่อทำเรื่อง SEA จะเป็นการมาเพื่อการขับเคลื่อนให้โครงการนี้เกิดขึ้น เพื่อการพัฒนาภาคใต้ หรือมาเพื่อการทำ SEA เพื่อให้หยุดโครงการดังกล่าวกันแน่
เพราะกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ พบความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ ผู้ทำหน้าที่จัดทำรายงานการศึกษาระดับยุทธศาสตร์ ที่มีความไม่เป็นกลาง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประชาชนฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ ในการพบปะพูดคุย เพื่อรับฟังข้อมูลความเห็นของฝ่ายที่สนับสนุน แต่ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่สนับสนุนโครงการ พบว่า เจ้าหน้าที่จากสภาพัฒน์ให้ความสำคัญ กับกลุ่มคนส่วนน้อยที่มีเอ็นจีโอทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบของข้าราชการ ที่เป็นเอ็นจีโอ และอื่นๆ ให้การหนุนหลังในการ คัดค้านโครงการดังกล่าว
มีเอ็นจีโอและข้าราชการที่เป็นเอ็นจีโอ เป็นผู้จัดทำแผนเพื่อให้เจ้าหน้าที่จากสภาพัฒน์ในการ พบกับกลุ่มผู้คัดค้าน เพื่อการให้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งมีเอ็นจีโอเป็นผู้จัดทำให้ โดยอาศัย หลักวิชาการ ซึ่งประชาชนที่ไม่อยู่ในเครือข่ายของเอ็นจีโอทำไม่เป็น จนกลายเป็นจุดได้เปรียบ และเสียเปรียบที่กำลังเกิดขึ้นจากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ฯ ในครั้งนี้
ล่าสุด ฝากฝั่งประชาชน ผู้สนับสนุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ มีการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านความไม่ชอบมาพากลของการจัดทำ SEA ในครั้งนี้ ด้วยการเดินทางมายื่นหนังสือกับ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา และยื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อร้องเรียนถึงพฤติกรรม ของเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนฯ ไปยังเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ และ นายกรัฐมนตรี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีความไม่เป็นธรรมกับประชาชนกลุ่มที่ให้การสนับสนุนโครงการ และต้องการเห็นการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ การว่างงานของคนในพื้นที่และบุตรหลานที่จบการศึกษาแล้วตกงานเป็นจำนวนมาก เพราะในพื้นที่ของภาคใต้ตอนล่าง ไม่มีการพัฒนาในโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไว้รองรับ
นางมณี อนันทบริพงษ์ แกนนำประชาชนที่สนับสนุนให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวว่า พฤติกรรม และวิธีการของเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนฯ ที่ลงมาเพื่อทำ SEA ครั้งนี้ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ไม่ครอบคลุมกลุ่มคนในทุกสาขาอาชีพ มีการเน้นในกลุ่มอาชีพประมงพื้นบ้านที่เป็นคัดค้านโครงการนี้ตั้งแต่ต้น แต่ละเลยกลุ่ม อื่นๆ ทั้งหมด การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ มีผู้นำที่คัดค้านโครงการเป็นผู้กำหนดเส้นทาง กำหนดจุดนัดหมายที่ชัดเจน เพื่อชี้นำในการให้ข้อมูล ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ใน 3 ตำบลรับไม่ได้ จึงต้องมาร้องเรียนให้ผู้บริการของสภาพัฒน์ฯ และรัฐบาลได้รับทราบ เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เหมือนเจ้าหน้าที่มีธงล่วงหน้า ว่าต้องการให้ผลของรายงานออกมาในฝั่งไหน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับโครงการ เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ หรือ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่ชักจะมองเห็นแล้วว่า นอกจากจะมีแรงต้านจากเอ็นจีโอ ที่ต้านทุกเรื่องที่เกิดขึ้นใน จ.สงขลา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังมีกลุ่มทุนนอกพื้นที่อีกกลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพลในวงการอุตสากรรมที่เข้ามาขัดขวาง เพื่อมิให้โครงการนี้เดินหน้า เพราะหากนิคมอุตสาหกรรมจะนะมีความสำเร็จ อาจจะกระทบกับโครงการของกลุ่มทุน กลุ่มนี้นั่นเอง
รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรกับความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่กลุ่มประชาชนที่ออกมากล่าวหาเจ้าหน้าที่จากสภาพัฒนฯ รัฐบาลต้องมีการสั่งให้สภาพัฒน์ หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะว่าการจัดทำ SEA เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของโครงการ ถ้ามีความไม่ชอบมาพากล มีความลำเอียง มีเบื้องหน้าเบื้องหลังตั้งแต่เริ่มต้น ก็เหมือกับการใส่เสื้อที่กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ผลการรายงานที่ออกมาก็จะผิดพลาด ที่เป็นความเสียหายต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทำให้เสียโอกาสของคนในพื้นที่
เรื่องนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องเร่งใช้โอกาสในการรักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สภาพัฒนฯ ที่ลงพื้นที่ในการทำ SEA โดยเร็ว เพื่อให้มีความถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย