Bitcoin ร่วงหนักในรอบ 10 เดือน ราคาหลุดต่ำล้านบาทไทยแล้ว
Reuters รายงานว่า เมื่อวันอังคาร (10 พ.ค.) Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกร่วงลงต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ขณะที่ในภาพรวมมูลค่าในตลาดของ Cryptocurrency หายไปเกือบ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลของ CoinMarketCap เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น
เมื่อเทียบกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดรอบล่าสุด ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2016 Cryptocurrency เป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามาก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างกันกับระบบการเงินอื่น
>> ตลาด Cryptocurrency ใหญ่แค่ไหน?
จากข้อมูลของ CoinGecko เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา สกุลเงินดิจิทัลที่นิยมมากที่สุดอย่าง Bitcoin ทะยานสู่ระดับออลไทม์ไฮ ที่กว่า 68,000 เหรียญสหรัฐ ดันให้มูลค่าของตลาด Cryptocurrency ขยับขึ้นไปที่ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตัวเลขนั้นลงมาอยู่ที่ 1.51 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าของ Bitcoin เกือบ 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย Ethereum ที่ 285,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่า Cryptocurrency จะเติบโตแบบระเบิดระเบ้อ แต่ตลาดยังค่อนข้างเล็ก ขณะที่ตลาดทุนของสหรัฐฯ มีมูลค่าถึง 49 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินระบุว่ามูลค่าคงค้างของตลาดตราสารหนี้สหรัฐอยู่ที่ 52.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นปี 2021
>> ใครครอบครองและซื้อขาย Cryptocurrency?
Cryptocurrency เริ่มจากการซื้อขายของรายย่อย แต่ความสนใจของสถาบันอย่าง บริษัทแลกเปลี่ยนเงินตรา บริษัทต่างๆ ธนาคาร เฮดจ์ฟันด์ และกองทุนรวมเติบโตอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันในตลาด Cryptocurrency ค่อนข้างหายาก แต่ CoinBase ผู้ซื้อขาย Cryptocurrency รายใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์มของบริษัทในไตรมาสที่ 4
ลูกค้าสถาบันของ CoinBase ซื้อขาย Cryptocurrency มูลค่า 1.14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 เพิ่มจากปี 2020 ที่อยู่ที่ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
Bitcoin และ Ethereum ที่หมุนเวียนอยู่ในมือของคนไม่กี่คนเท่านั้น รายงานของเดือน ต.ค. ของสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (NBER) พบว่า นักลงทุน Bitcoin 10,000 คนทั้งบุคคลและนิติบุคคลควบคุม 1 ใน 3 ของตลาด Bitcoin และนักลงทุน 1,000 คนครอบครองเหรียญ Bitcoin ราว 3 ล้านเหรียญ โดยจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโกพบว่า จนถึงปี 2021 ราว 14% ของชาวอเมริกันลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
>> การล่มสลายของคริปโตจะกระทบระบบการเงินไหม?
แม้ว่าในภาพรวมแล้วตลาด Cryptocurrency จะค่อนข้างเล็ก แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการเสถียรภาพการเงิน (FSB) ระบุว่า Stablecoin หรือเหรียญดิจิทัลที่ตรึงมูลค่าไว้กับมูลค่าของทรัพย์สินจริงๆ เป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพการเงิน
Stablecoins ส่วนใหญ่จะใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ โดยได้รับการหนุนหลังจากสินทรัพย์ที่อาจสูญเสียมูลค่าหรือขาดสภาพคล่องในช่วงเวลาที่ตลาดตึงเครียด ในขณะที่กฎและการเปิดเผยเกี่ยวกับทรัพย์สินเหล่านั้นและสิทธิ์ในการไถ่ถอนของนักลงทุนยังคลุมเครือ
หน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งระบุว่า นั่นอาจทำให้ Stablecoin อ่อนไหวต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดตึงเครียด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) เมื่อมูลค่าของ TerraUSD ที่ตรึงราคาให้มีมูลค่าเท่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอัตราส่วน 1 : 1 ร่วงมาอยู่ที่ 1 : 0.67 เหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากราคา Bitcoin ที่ร่วงลง แม้ว่า TerraUSD จะตรึงราคากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยระบบอัลกอริทึม แต่นักลงทุนที่ดำเนินการกับ Stablecoin อื่นๆ ที่ตรึงราคากับทรัพย์สินอย่างเงินสดหรือตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นอาจทะลักเข้าไปในระบบการเงินดั้งเดิม ส่งผลให้สินทรัพย์อ้างอิงเกิดความตึงเครียด
หน่วยงานกำกับดูแลระบุว่า ด้วยความที่ทรัพย์สมบัติของบริษัทเชื่อมโยงกับผลประกอบการของสินทรัพย์ Cryptocurrency และสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมที่เข้ามาเล่นในกลุ่มสินทรัพย์ (Asset Class) ความเสี่ยงอื่นๆ ก็จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือน มี.ค. สำนักงานบัญชีกลางสหรัฐ (OCC) เตือนว่า บรรดาธนาคารอาจผิดพลาดจากการเปิดรับอนุพันธ์คริปโตและคริปโตที่ไม่คุ้มครองความเสี่ยง เนื่องจากมีข้อมูลราคาย้อนหลังน้อย
อย่างไรก็ดี บรรดาหน่วยงานกำกับดูแลยังเสียงแตกเกี่ยวกับขนาดของภัยคุกคามที่การล่มสลายของ Cryptocurrency จะมีต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจในวงกว้าง