ทั่วเอเชียต่างจับตา! ‘ธัญวัจน์’ ชี้กระแส ‘มิลลิ’ สร้าง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ แนะรัฐหนุนศิลปะร่วมสมัย ไม่ยัดเยียดความเป็นไทยแบบแช่แข็ง
‘ครูธัญ’ ชี้ #MILLILiveatCoachella ทำให้เห็นว่า การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไม่ใช่การยัดเยียดความเป็นไทยแบบแช่แข็ง รัฐควรส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยด้วย
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีที่ #มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุลศิลปินแร็ปเปอร์หญิงมากความสามารถ ได้ขึ้นแสดงเทศกาลดนตรีโคเชลลา ที่สหรัฐอเมริกาว่า มิลลิได้นำเสนอมุมมองการเล่าเรื่องและตีแผ่ประเทศไทยของศิลปินผ่านท่วงทำนองจังหวะที่สนุกนาน ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักเพียงข้ามคืนและได้รับคำชื่นชมอย่างมากมาย ทั้งการนำข้าวเหนียวมะม่วงขึ้นมากินบนเวที และเนื้อเพลงที่เสียดสีการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟที่ไม่มีการพัฒนาใช้มา 120 ปี ราคาของเสากินรี หรือการตะโกนบอกกับชาวโลกว่า “เราไม่ได้ขี่ช้าง” จากความเข้าใจผิดของชาวต่างชาติว่าคนไทยขี่ช้าง
ธัญวัจน์กล่าวว่า วันนี้ คนไทยที่มีความสามารถมากมายไม่แพ้คนชาติไหน เดินออกไปเชิดฉายสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยโดยที่รัฐไม่ได้มีนโยบายใดๆ ในการสนับสนุนเลย ถือเป็นการเสียโอกาสที่รัฐรู้ว่าต้องส่งเสริม แต่ไม่ลงมือทำ
จะพบว่า วงการเพลงไทยในช่วงยุค 80’s และ 90’s เป็นช่วงเวลาที่ ‘ที-ป็อป’ โดดเด่นอย่างมาก ทั่วเอเชียต่างจับตาเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกาหลีใต้เองเริ่มก่อร่างสร้าง ‘เค-ป็อป’ แต่หลังจากปี 2000 ประเทศเกาหลีใต้ได้สร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมทั่วทวีปเอเชียสร้าง Soft Power จนวันนี้ก้าวสู่ระดับโลก
“หากประเทศไทยต้องการสร้าง Soft Power สู่ชาวโลกจริงๆ ก็คงต้องปรับมุมคิดเสียใหม่ การสร้าง Soft Power แบบเทพเจ้าและหยุดนิ่งแช่แข็งไม่น่าจะใช้ได้กับยุคนี้ ยุคที่โลกเรากำลังมีการเคลื่อนที่ทางวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” ธัญวัจน์ กล่าว
นอกจากนี้ ธัญวัจน์ ยังมองว่า รัฐจะต้องสนับสนุนศิลปินตั้งแต่เด็กเยาวชน เปิดโอกาส ไม่เฉพาะแต่ศิลปะดั้งเดิมของไทย แต่ต้องสนับสนุนศิลปะสากล ศิลปะร่วมสมัยด้วย รัฐต้องร่วมจับมือกับภาคเอกชนในการสร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมเพื่อขยายงานออกไป หรือความร่วมมือระหว่างประเทศในการสร้างงาน และที่สำคัญต้องนำเสนอเนื้อหา‘เป็นสิ่งที่เหมือนกัน’ ของความรู้สึกผู้คน ‘Something in Common’ คือกุญแจสำคัญของความนิยมและความสำเร็จ