'ผู้นำยูเครน' แฉ!! 'นาโต' ไม่มีวันรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก แต่บอกกล่าวในที่สาธารณะว่า 'ประตูจะยังคงเปิดอยู่'

นาโต (NATO) ปฏิเสธที่จะยอมรับยูเครนเมื่อมีการพูดคุยกันในที่ส่วนตัว แต่ในที่สาธารณะยังคงแสดงท่าทีว่ามีโอกาสดังกล่าว ประธานาธิบดีของประเทศยูเครนให้สัมภาษณ์กับ CNN

มูลเหตุสำคัญที่ทำให้รัสเซียต้องรุกรานยูเครนก็เพื่อหยุดยั้งการแสวงหาสมาชิกขององค์การนาโตเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก หรือแนวทาง "มุ่งตะวันออก" ซึ่งในที่สุดนาโตก็ขยับมาถึงยูเครนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านประชิดพรมแดนรัสเซียและมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียอย่างมากในทางการเมืองและวัฒนธรรม

ขณะที่ผู้นำยูเครนก็แสดงท่าทีต้องการเป็นสมาชิกนาโต โดยมีคำเตือนจากรัสเซียไม่ให้ยูเครนและนาโตกระทำการดังกล่าว จนในที่สุดรัสเซียก็ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนด้วยข้ออ้างว่า "เพื่อทำให้ยูเครนปลอดจากกองทัพ" ซึ่งเชื่อได้ว่าหมายถึงการทำให้ยูเครนไม่กลายเป็นฐานที่มั่นทางทหารเหมือนสมาชิกนาโตอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก เพราะเป็นการเผชิญหน้าและคุกคามรัสเซียโดยตรง

แต่ล่าสุด ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เปิดเผยจุดยืนที่แท้จริงของพันธมิตรนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ เกี่ยวกับแนวโน้มที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโต ในการให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันอาทิตย์ ว่านาโตแสดงท่าทีหน้าไหว้หลังหลอกเกี่ยวกับการรับยูเครนเป็นสมาชิก

"ผมขอพวกเขาเป็นการส่วนตัวให้พวกเขาพูดโดยตรงว่าเรา (นาโต) จะรับคุณ (ยูเครน) เข้าสู่นาโตในหนึ่งปีหรือสองหรือห้าปี เพียงแค่พูดโดยตรงและชัดเจน หรือเพียงแค่ปฏิเสธ และคำตอบก็ชัดเจนมาก คุณ (ยูเครน) จะไม่เป็นสมาชิกของนาโต แต่ในที่สาธารณะ ประตูจะยังคงเปิดอยู่" เซเลนสกี กล่าว

เซเลนสกีหมายความว่าเขาได้พูดคุยกับนาโตแล้วเป็นการส่วนตัว คำตอบก็คือยูเครนจะไม่เป็นสมาชิกนาโตอย่างแน่นอน และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในที่สาธารณะนาโตกลับทำเหมือนว่ายังให้โอกาสยูเครนอยู่

เซเลนสกีชี้ว่า “ถ้าเราเป็นสมาชิกนาโต สงครามก็คงไม่เริ่มต้นขึ้น ผมต้องการรับการค้ำประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศของผม เพื่อประชาชนของผม” เซเลนสกี กล่าวกับ CNN

“ถ้าสมาชิกนาโตพร้อมที่จะเห็นเราเป็นพันธมิตรก็จงทำทันทีเพราะมีคนตายทุกวัน… ถ้าอยากเห็นเราอยู่ในสถานะครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งเราไม่เข้าใจว่า (นาโต) จะรับเราได้หรือไม่ - คุณไม่สามารถทำให้เราอยู่ในสถานการณ์นี้ คุณไม่สามารถบังคับให้เราอยู่ในสถานะอิหลักอิเหลื่อได้” เซเลนสกี กล่าว


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/678647