'ปูติน' เอาคืนแรง!! เปิดไพ่การรบด้านเศรษฐกิจ ยึดทรัพย์ธุรกิจถอนตัว - ขึ้นบัญชีดำ - ห้ามหวนคืนรัสเซีย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ฉายภาพสมรภูมิการรบด้านเศรษฐกิจระลอกใหม่ ระหว่างควันสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยังปะทุอยู่ ว่า...

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!!!
สมรภูมิใหม่ในการรบด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุด ประธานาธิบดีปูติน สั่ง เตรียมการยึดสินทรัพย์ของบริษัทที่ถอนตัวออกจากรัสเซีย รวมถึงขึ้นบัญชีดำบริษัทเหล่านี้ว่า เคยมีพฤติกรรมร่วมทำร้ายรัสเซีย และจดชื่อเอาไว้ เพื่อไม่ให้กลับมาที่รัสเซียในอนาคต

อดีตประธานาธิบดี Medvedev อธิบายเพิ่มเติมว่า จะยึดหลักการ “Symmetrical Response” หรือแปลเป็นไทยว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"

เป้าหมายคือ...
1.) ประเทศที่มีการยึดสินทรัพย์ของรัสเซีย
2.) บริษัทที่มีการประกาศถอนตัวออกจากรัสเซีย

ส่วนบริษัทที่หยุดกิจการ ปิดไปเฉยๆ ก็อาจจะหาคนเข้าไปบริหารแทน เพื่อดูแลการจ้างงานและการผลิตให้ไม่สะดุดลง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ล่าสุด รายชื่อบริษัทที่ตัดสินใจออกจากรัสเซีย มียาวเป็นหางว่าว ตั้งแต่ McDonald's, Starbucks, Coca-Cola, Pepsi, Shell, BP, Apple, Microsoft, IBM, IKEA, H&M, Volkswagen, Toyota รวมไปถึง บริการชำระเงิน VISA, Apple pay, Google Pay เป็นต้น (ขณะนี้ องค์กรผู้บริโภครัสเซียได้ส่งชื่อให้รัฐบาลไปแล้วอย่างน้อย 59 บริษัท)

นอกจากนี้ เครื่องบินที่เช่ามาให้ Aeroflot ก็อยู่ในข่ายที่จะไม่คืนเช่นกัน

ปกติแล้ว เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะ (1) จะนำไปสู่การฟ้องร้อง และ (2) สร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีให้กับประเทศ เพราะถ้าไปลงทุนแล้ว สุดท้ายอยู่ๆ ถูกยึดเป็นของประเทศ ก็จะเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง โดยประเทศที่เคยทำเช่นนี้ นักลงทุนก็จะจดไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ รัสเซียคงอธิบายว่า สินทรัพย์ของรัสเซีย ก็ถูกยึดเช่นกัน เมื่อคุณยึดของผมได้ ผมก็ยึดของคุณได้ นอกจากนี้ อีกไม่นานเรามีความเสี่ยงที่อาจจะเห็นรัสเซีย ประกาศหยุดชำระหนี้ (ชักดาบ) ในพันธบัตรต่างๆ ของรัสเซีย ที่กำลังถูก downgrade อยู่ในขณะนี้ (รวมถึง คงขอให้ไปถอนเอาเองจากเงินสำรองที่ถูกยึดไป)

สินทรัพย์ที่ต่างชาติมีอยู่ในรัสเซีย หรือลงทุนในรัสเซียมีอยู่ประมาณ 7-8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไป

นโยบายเหล่านี้ Nationalization หรือ Debt Moratorium เป็นนโยบายที่ปกติแล้ว ประเทศต่างๆ ขีดเส้นว่า "ไม่ทำ" แต่เมื่ออีกข้าง ประกาศใช้มาตรการแรงที่ปกติ “ไม่ทำ” เช่นกัน เช่น Freeze เงินสำรองต่างประเทศ ยึดสินทรัพย์ของธนาคารรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนยึดสินทรัพย์ของเจ้าสัวรัสเซีย เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรอะไรก็เกิดได้

ทั้งหมด จะส่งผลให้คนที่อยากจะประกาศออกจากรัสเซีย ก็คงลังเลใจที่จะประกาศทันที อาจจะต้องค่อยๆ วางแผน ลด Stock ต่างๆ ลง คนที่มีหุ้น มีสินทรัพย์ ก็คงต้องค่อยๆ ผ่องสินทรัพย์ของตนออกไป เพราะว่าถ้าประกาศกะทันหัน สุดท้ายทุกอย่างที่ลงทุนไป จะหายไปในพริบตา

คงต้องหาสมดุลที่เหมาะสมในการ Exit

เรียกได้ว่า สมรภูมิรบด้านเศรษฐกิจกำลังดุเดือด เข้มข้นขึ้น และกำลังลุกลามไปด้านเศรษฐกิจจริง บริษัท ร้านค้า สินทรัพย์ต่างๆ จากเดิมที่อยู่ในตลาดการเงิน เช่น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และระบบธนาคารพาณิชย์ เป็นสำคัญ

และรัสเซียยังมีหมัดเด็ดอีกหลายหมัดที่ยังไม่ได้ใช้

ผลพวงก็คือ คนบริสุทธิ์ทั่วโลก ที่พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย

ตามที่เขาพูดกันว่า "สงครามไม่เคยปรานีใคร"

ดีที่สุดคือ "ไม่มีสงคราม"

เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/100057945673869/posts/388555696419283/