เปิดตัว ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ ตุ๊กตาที่มี ‘ยอดขายมากที่สุดในโลก’
เชื่อว่าของเล่นในวัยเด็กของใครหลายๆ คน คงไม่พ้นตุ๊กตา แต่นอกจากนี้ก็ยังมีตุ๊กตาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ ตุ๊กตาที่จำลองมาจากคนจริงๆ โดยย่อขนาดให้เล็กลงมาถึง 6 เท่า ซึ่งในวันนี้ก็นับว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของบาร์บี้ก็ว่าได้ โดยเราจะพามาย้อนอดีต รู้จักที่มา กว่าจะมาเป็น ‘ตุ๊กตาบาร์บี้’ กัน
ตุ๊กตาบาร์บี้ของเล่นในวัยเด็กของผู้หญิงหลายๆ คน สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นมาจากคนเป็น ‘แม่’ โดยเธอคนนั้นก็คือ ‘แฮนเลอร์’ เธอได้รับแรงบันดาลใจที่จะประดิษฐ์ตุ๊กตาบาร์บี้ หลังจากเธอสังเกตเห็นว่า บาร์บาร่า ลูกสาวของเธอชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ และชอบให้ตุ๊กตาเหล่านั้นทำสิ่งต่างๆ เหมือนที่ผู้ใหญ่ทำ เธอจึงเริ่มความคิดที่จะสร้างตุ๊กตาสาวที่มีรูปร่างเป็นผู้ใหญ่
ต่อมา เมื่อแฮนเลอร์มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปในปี 1956 เธอก็ไปสะดุดตากับตุ๊กตา "ไบล์ด ลิลลี" ของเยอรมนี ซึ่งเป็นตุ๊กตารูปหญิงสาววัยทำงานที่วางจำหน่ายครั้งแรกในเยอรมนีปี 1955 โดยเป้าหมายทางการตลาดในตอนแรกต้องการ เจาะกลุ่มผู้ใหญ่ แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ มากกว่า ซึ่งวางขายอยู่ในร้าน ขายของของสวิตเซอร์แลนด์
เธอจึงได้เริ่มการประดิษฐ์ตุ๊กตาขึ้น โดยได้ซื้อกลับบ้านมา 3 ตัว โดยที่ตัวหนึ่งให้ลูกสาว ส่วนที่เหลือนำมาเป็นต้นแบบในการผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ จากนั้น แฮนเลอร์ก็ได้ดัดแปลงเปลี่ยนโฉมตุ๊กตาลิลลีใหม่หมด พร้อมกับตั้ง ชื่อให้ว่า "บาร์บี้" ตามชื่อของลูกสาวเธอ หรือในชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท (Barbie Millicent Roberts) ด้วยความช่วยเหลือของแจ๊ค ไรอัน (Jack Ryan)
หลังจากนั้นเธอได้นำตุ๊กตาที่ตั้งชื่อว่า “Barbie” นำไปออกแสดงในงาน American International Toy Fair ที่มหานครนิวยอร์ก ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2502 ซึ่งถือว่าเป็นวันเกิดอย่างเป็นทางการของบาร์บี้
โดย บริษัท แมทเทล อิงค์ คือ ผู้ได้รับสิทธิในการผลิตบาร์บี้ โดยบาร์บี้รุ่นแรกมาในชุดว่ายน้ำลายทางขาวดำแบบม้าลาย ผมสีบลอนด์ยาวตรงและมีผมหน้าม้า เป็นตัวแทนของแฟชั่นวัยรุ่น เสื้อผ้าทุกชุดออกแบบโดยดีไซเนอร์ของแมทเทล เมื่อวางตลาดในปีแรกมียอดขายสูงกว่า 350,000 ตัว และหากนับมาจนถึงวันนี้ประมาณการว่ามี ตุ๊กตาบาร์บี้กว่า 1,000 ล้านตัวที่วางขายใน 150 ประเทศทั่วโลก กันเลยทีเดียว!!
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/บาร์บี้
ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
TikTok > https://www.tiktok.com/@thestatestimes