‘Gaston Glock’ วิศวกรอัจฉริยะ!! ผู้ออกแบบและสร้างอาวุธ ‘ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ GLOCK’
ปัจจุบันอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ GLOCK มีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตลาดปืนพกพลเรือน และเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติที่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาใช้ถึง 65% ของอาวุธปืนพก
ความสำเร็จที่ไม่คาดฝันมาก่อนของ GLOCK นั้นเกิดขึ้นได้จากการเป็นบริษัทผู้ผลิตปืนพกคุณภาพเยี่ยมราคาประหยัดออกมาแข่งกับบริษัทที่มีชื่อเสียงอาทิ Smith & Wesson และ Beretta ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดปืนพกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสำเร็จเชิงกลยุทธ์เกิดจากการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการทำการตลาด การโฆษณา และการส่งเสริมการขายไปยังกลุ่มตลาดหลัก ๆ
GLOCK GmbH ตั้งอยู่ใน Deutsch-Wagram ออสเตรีย และไม่ได้เข้าสู่ตลาดอาวุธปืนจนกระทั่งปี 1980 แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ ผู้ก่อตั้ง Gaston Glock วิศวกรที่มีประสบการณ์ในการผลิตเรซินสังเคราะห์ขั้นสูง
ช่วงต้นปี 1980 Gaston Glock ได้ไปเยือนสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมออสเตรีย (AMD) เพื่อเสนอขายอุปกรณ์ทางทหารที่เขาผลิต อาทิ เข็มขัดสำหรับยึดสัมภาระที่ผลิตจาก polymer พลั่ว ลูกระเบิดมือฝึก และเครื่องมือแบบ Multifunction
ขณะที่รอการประชุม Glock ได้ยินการสนทนาของนายทหารระดับสูงสองนาย จึงแอบฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งหารือกันเกี่ยวกับข้อกำหนดอย่างเป็นทางการเพื่อเสนอข้อเสนอ (RFP) ให้กับบริษัทผู้ผลิตอาวุธปืน 5 รายในโครงการผลิตปืนพกแทนที่ ปืนพก Walther P38 ที่ล้าสมัยแล้ว
สองพันเอกโอดครวญถึงความคืบหน้าของคำขอและปืนพกซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนาราว 4-5 ปี จำเป็นต้องผ่านคุณสมบัติบังคับ 17 ประการ เพื่อให้เป็นไปตาม RFP ของ AMD ซึ่งกำหนดให้ปืนพกต้องแม่นยำ น้ำหนักเบา และทนทาน พร้อมซองกระสุนซึ่งจุกระสุนได้มาก (ลูกดก) และใช้กระสุนปืนพกตามมาตรฐาน NATO (9x19 มม.)
การสนทนาของนายทหารทั้งสองยังทำให้ Glock ทราบว่า เมื่อได้รับอาวุธปืนพกแล้วตามกำหนดเวลาแล้ว AMD จะต้องประเมินความคาดหวังของ AMD ให้ได้ถึง 70% ของคุณสมบัติที่จำเป็นเหล่านี้ ข้อกำหนดที่เข้มงวดเหล่านี้ทำให้วิศวกรนักออกแบบอาวุธปืนฝันร้าย บริษัทผู้ผลิตปืนยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่กำหนด ตามกระบวนการผลิตเริ่มต้นจากโครงปืนด้วยเครื่องมือที่มีอยู่เดิมปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรายละเอียดตามข้อกำหนดเช่นเดียวกับที่พวกเขาทำมานานหลายทศวรรษแล้ว ปืนพกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแนวคิดเดิม ๆ ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ 45-60 ชิ้น Glock จึงได้แนะนำตัวกับนายทหารทั้งสอง และเสนอว่า เขาต้องการได้รับการพิจารณาในการผลิตอาวุธปืนพกสำหรับ AMD ด้วย
และหลังจากอธิบายธุรกิจและทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับเรซินแล้ว ไม่นานก็ถูกปฏิเสธอย่างเหยียดหยามแบบออสเตรีย ซึ่งเห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถแสดงออกกับ Glock ด้วยความชาญฉลาด Glock ซึ่งได้ลงทะเบียนในรายชื่อผู้ประมูลของ AMD สถานะของเขาจึงอยู่ในฐานะผู้จัดหาสินค้าในปัจจุบัน ทำให้ได้รับข้อมูลจำเพาะและข้อกำหนดการปฏิบัติตามกระบวนการเสนอราคาและกำหนดเวลา จากนั้น Glock ก็ทำงานทั้งวันทั้งคืนต่อมาอีก 2 ปี
Glock ได้ซื้อปืนพกทุกแบบในตลาด และทำการถอดประกอบเข้า-ออกทั้งหมด ด้วยการที่ไม่รู้ถึงกระบวนการผลิตอาวุธปืนจึงกลายเป็นข้อดี เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ Glock จึง “ไม่มีข้อปัญหาในการพัฒนาวิธีคิดเกี่ยวกับการผลิตอาวุธปืน” ซึ่ง Glock ได้บอกในภายหลังว่า เพื่อเสริมความไม่มีประสบการณ์เขาได้ว่าจ้างที่ปรึกษาด้านอาวุธปืนที่เก่งมาก 2 คน และมี 'กลุ่มสนใจ' อีกหลายกลุ่มเพื่อช่วยออกแบบและสร้างอาวุธปืน
จากการที่ Glock มีประสบการณ์ในการพัฒนา polymer สูงมาก และมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอย่างมากด้วย และเมื่อผสานทักษะเหล่านั้นเข้ากับการออกแบบอาวุธปืนพกปืนที่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว 34 ชิ้นบรรจุกระสุน 17 นัด และมีน้ำหนักน้อยกว่าอาวุธปืนพกแบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ GLOCK ได้รับการออกแบบที่ดีกว่า ผลิตได้แม่นยำกว่า และถูกกว่าด้วยการออกแบบที่ไม่น่าจะสำเร็จ แต่ก็คุ้มกับการลองอาวุธปืนพกที่มีความซับซ้อน แต่มีราคาเพียงประมาณ 70 เหรียญสหรัฐ ที่จะอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ GLOCK ใช้โครงปืนเป็น polymer สไลด์ (ลำเลื่อน) ผลิตด้วยเหล็กจากเบ้าพิมพ์มีความแม่นยำสูง และการชุบเคลือบผิวด้วยความร้อนที่จดสิทธิบัตรเพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการสึกหรอและการเกิดสนิม ไม่มีอะไรที่เหมือนและพิสูจน์แล้วว่า เชื่อถือได้ ทนทาน และแม่นยำ อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ GLOCK 17 ได้รวมคุณสมบัติที่จำเป็นทั้งหมดตาม RFP ของ AMD ทั้ง 17 ประการไว้ และเข้าร่วมในการทดสอบของกองทัพออสเตรียเพื่อจัดหาอาวุธปืนพกในปี 1982 แน่นอนที่สุด GLOCK 17 ชนะการแข่งขัน
อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ GLOCK เอาชนะอาวุธปืนที่ผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตรายสำคัญอีก 5 ราย เมื่อกระทรวงกลาโหมออสเตรีย (AMD) ได้ทำสัญญาสั่งซื้อปืนไฮบริดจ์เหล็กกล้าคาร์บอนกับ polymer จำนวน 25,000 กระบอกจาก GLOCK และกลายเป็นผู้นำในการผลิตอาวุธปืนเชิงพาณิชย์ เข้าสู่อันดับดีเยี่ยมของบริษัทผู้ผลิตอาวุธปืนของโลก ปืนพก GLCK 17 ต่อมาถูกนำมาใช้โดยทหารและตำรวจออสเตรีย และถูกกำหนดเป็นปืนพกแบบ P80 โดยคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Smith & Wesson ซึ่งทำธุรกิจมาตั้งแต่ ปี 1850 พ่ายแพ้แบบหมดท่าเลยทีเดียว
GLOCK GmbH เป็นบริษัทเอกชน ดังนั้นกำไรจะไปยัง Gaston Glock เท่านั้น และจากการประมาณการ ตามเอกสารที่ยื่นโดย GLOCK ในคดีสิทธิบัตรเมื่อปี 1992 กำไรขั้นต้นเฉลี่ย ณ โรงงานคือ 68% องค์กรที่ทันสมัยเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับนี้ และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างมาก โดยไม่ต้องแบ่งกับใครเลย Gaston Glock ได้ก้าวเดินไปตามคมมีดนี้อย่างประสบความสำเร็จ และในตลาดสมัยใหม่ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างผูกขาดเป็นเอกเทศ ยอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ GLOCK ทั้งหมดเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่เปิดตัวปืนพก GLOCK 17 ปัจจุบันปืนพกยี่ห้อ GLOCK วางจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
GLOCK GmbH มีบริษัท Holding ตั้งอยู่ใน Lichtenstein ซึ่งเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด เนื่องจากมีการเก็บภาษีนิติบุคคลแบบเฉพาะจาก บริษัท Holding ตั้งอยู่ในอาณาเขต Lichtenstein นั้น (1) คิดอัตราภาษีที่คงที่ 12.5% (2) ไม่มีภาษีกำไรจากการขาย และ (3) มีการลดหย่อนภาษีพิเศษในกรณีที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และ Gaston Glock มี Charles Ewert อัจฉริยะทางการเงินเป็นที่ปรึกษาของเขา
Charles Ewert ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว
ความเจริญก้าวหน้าของ GLOCK GmbH ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบสำหรับ Gaston Glock ผู้ก่อตั้ง ในช่วงหนึ่งระยะเวลาสั้น ๆ เขาถูกยักยอกเงินในธุรกิจอาวุธปืนถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐโดย Charles Ewert ที่ปรึกษาทางการเงินที่ร่วมงานกันมายาวนาน ยิ่งกว่านั้น เมื่อ Ewert ได้ว่าจ้างมือสังหารเพื่อฆ่า Glock ในปี 1999 เพื่อหวังฮุบทรัพย์สินและกิจการของ Glock ด้วยความกล้าหาญในวัย 70 ปี ซึ่งถูกประเมินความแข็งแรงต่ำกว่าความเป็นจริง Glock สามารถเอาชนะมือสังหารนักฆ่าอดีตทหารรับจ้าง Jacques Pêcheur วัย 67 ปี ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำอาชีพใช้ชื่อว่า Spartacus จนหมดสติ ทำให้ฟันหลุดไปหลายซี่ Glock บาดเจ็บมีแผลบนศีรษะ 7 แห่ง เสียเลือดเกือบลิตร เมื่อนำคดีขึ้นสู่ศาล และ Jacques Pêcheur ติดคุก 17 ปี และ Charles Ewert 20 ปี ตามลำดับ
ชุดของเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้ไม่มีผลกระทบร้ายแรงต่อ Glock กระบวนการพิจารณาคดีพยายามฆ่าในศาล และการยักยอกนับสิบล้านเปิดเผยเครือข่ายของบริษัทตัวแทน เนื่องจากฐานะการเงินของบริษัทต้องเป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกของศาลระหว่างการพิจารณา Glock อ้างว่า ไม่รู้และไม่เกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้ และเขาไม่รู้เรื่องการเงิน ที่สุดเรื่องเหล่านี้ก็เงียบหายไป
Paul F. Jannuzzo อดีต CEO ของ GLOCK USA
ข้อมูลของ Paul F. Jannuzzo อดีต CEO ของ GLOCK USA ระบุว่า “Gaston Glock ได้รับเงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปืนทุกกระบอก นับตั้งแต่ที่เริ่มงาน” เงินจำนวนนี้และครึ่งหนึ่งของรายรับจากบริษัทลูกในสหรัฐฯ นั้นถูกส่งไปยัง Lichtenstein อย่างลับ ๆ Jannuzzo ให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ของ CBS มีประเมินว่า ได้ขายปืน GLOCK ไปกว่า 5 ล้านกระบอกนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980 ดังนั้นจึงมีข้อกล่าวหาเรื่องการเงินมากมาย Jannuzzo อดีตพยานโจทก์ของรัฐ ซึ่งกำลังดำเนินคดีอดีตนายจ้างด้วยหวังจะได้ส่วนแบ่งจากเงินที่รัฐจะได้จากการเก็บภาษีเพิ่ม และ Gaston Glock ก็ได้ทำการฟ้อง Jannuzzo ในข้อหายักยอกทรัพย์ด้วย
GLOCK, Inc. บริษัทลูกของ GLOCK GmbH ในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ที่ Cobb County มลรัฐ Georgia Glock เปลี่ยนผู้บริหารการขายระดับประเทศ 7 คนใน 11 ปี งานเช่นนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึงหนึ่งปีเพื่อให้การทำงานเข้าที่เข้าทาง ควบคู่ไปกับการขยายตลาดที่เคยมีไม่เคยพอในแต่ละวัน ดังนั้นจึงชัดเจนว่า ความคาดหวังของ Glock นั้นสูงมาก ผู้บริหารการขาย GLOCK USA มีอายุทำงานกับ GLOCK USA เฉลี่ยแล้วเพียง 19 เดือน GLOCK USA ได้ข้ามผ่านกระบวนการอย่างเป็นทางการทั้งหมด ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นบริษัทผู้ผลิตปืนพกในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการปกป้องบริษัทผู้ผลิตปืนของสหรัฐฯ อย่างเข้มแข็ง และยอดขายของ GLOCK USA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนและมูลค่า ประมาณการยอดขายประจำปีของ GLOCK USA อยู่ในราว $ 100 ล้าน
Helga Glock (ซ้าย) Gaston Glock กับ Kathrin Glock คนปัจจุบัน
Glock แต่งงานกับ Helga Glock ในปี 1958 และพวกเขาร่วมก่อตั้งธุรกิจครอบครัวในปี 1963 พวกเขาหย่าร้างกันในปี 2011 และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องคดีตีพิมพ์หนังสือชีวประวัติและบริษัทของ Gaston Glock โดยไม่ได้รับอนุญาต (หนังสือชื่อ GLOCK : The Rise of America's Gun) เผยแพร่เมื่อปี 2012 Glock สนับสนุนองค์กรการกุศลต่าง ๆ ในออสเตรียโดยบริจาคเงินมากกว่าหนึ่งล้านยูโร นอกจากนั้นแล้วเขายังบริจาคเงินกับพรรคเสรีภาพแห่งออสเตรีย (the Freedom Party of Austria) อีกด้วย
Gaston Glock มีบุตร-ธิดา 3 คนเกิดจาก Helga Glock ได้แก่ Brigitte Glock, Gaston Glock, Jr. และ Robert Glock หลังหย่าร้างกับอดีตภรรยา ปี 2012 Gaston Glock แต่งงานใหม่กับพยาบาลประจำตัว Kathrin Glock ปัจจุบัน Gaston Glock ถูกจัดโดยนิตยสาร Forbs เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 1,941 ของโลก ด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
น่าเสียดายที่อุตสาหกรรมอาวุธปืนเป็นแดนสนธยาสำหรับบ้านเรา จึงต้องนำเข้าเพียงอย่างเดียวจนทุกวันนี้
ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
TikTok > https://www.tiktok.com/@thestatestimes