รู้จักและระวังภัย!! “ระเบิดแสวงเครื่อง” (Improvised Explosive Device : IED) ระเบิดทำลายล้าง ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้!!

คืนวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยและระเบิดรวม 14 จุด สามารถเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดได้ 3 ลูก เพื่อให้ได้รู้จัก เข้าใจ และเป็นการระวังภัยจากระเบิดที่ใช้ที่ในครั้งนี้ จึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับ
รู้จักกับระเบิดแสวงเครื่อง Improvised Explosive Device : IED มาเล่าให้ทราบพอสังเขปดังนี้

ระเบิดแสวงเครื่อง Improvised Explosive Device : IED เป็นระเบิดที่ถูกใช้กันมากในกลุ่มผู้ก่อการร้าย (โดยเฉพาะในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน) โดยเป้าหมายหลักในการทำลาย คือ กลุ่มกองกำลังทหาร และ ยานพาหนะ รวมถึง รถถังขนาดใหญ่ สถานที่ชุมชน กลุ่มก่อการร้าย สามารถทำการวางกับระเบิดชนิดนี้ไว้ได้ในหลายพื้นที่ เช่น ข้างทาง บนถนน ในพุ่มไม้ หรือในที่ ๆ กองกำลังศัตรู ใช้เป็นทางผ่านอยู่เป็นประจำ เมื่อศัตรูเข้าใกล้เป้าหมาย กลุ่มก่อการร้ายก็จะทำการจุดชนวนระเบิดทันที ความเสียหายที่ได้รับมีมากมาย ถ้าเป็นทหารก็คงเหลือแค่ชิ้นส่วนอวัยวะเศษเล็กเศษน้อย หากเป็นยานพาหนะก็อาจทำให้เสียหายทั้งคัน รวมถึงรถถังก็ไม่อาจต้านทานระเบิดแสวงเครื่องได้ เพราะจุดอ่อนของรถถังก็คือบริเวณใต้ท้องเมื่อเกิดการระเบิดจึงทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

>> ระเบิดแสวงเครื่องคืออะไร ระเบิดแสวงเครื่อง (Improvised Explosive Devices : IED) จัดเป็น รูปแบบหนึ่งของกับระเบิด (Booby Traps) เป็นการนำเอาวัสดุที่มีอยู่หรือวัสดุที่สามารถหาได้ง่าย เช่น ปุ๋ยยูเรีย ดินระเบิด นำมาประดิษฐ์เป็นระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่  ในปัจจุบัน เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น ทำให้การทำระเบิดแสวงเครื่องมีความซับซ้อนมากขึ้น และสามารถควบคุมการทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอการตั้งเวลาแบบเดิม สามารถกำหนดการระเบิดได้ตามต้องการผ่านวิธีการควบคุมระยะไกล (Remote control) ด้วยการใช้วิทยุหรือโทรศัพท์จุดชนวน

คำว่า “ระเบิดแสวงเครื่อง” คือ การประกอบระเบิด ในส่วนกำเนิดการจุด ที่ไม่ได้ใช้วัสดุมาตรฐานการผลิตจากโรงงาน มาประกอบกันให้ครบวงจรการระเบิด โดยเสาะแสวงหาวัสดุต่าง ๆ ที่หาได้ทั่ว ๆ ไป มาดัดแปลง หรือประยุกต์ ใช้งานตามที่ต้องการ

ระเบิดแสวงเครื่อง ในวิทยุรับ - ส่ง

ยกตัวอย่างเช่น การวางกับระเบิดแสวงเครื่องในวิทยุทรานซิสเตอร์ โดย เอาดิน C4 (ดินหลัก) มาอัดใส่หลังลำโพง แล้วเสียบเชื้อปะทุไฟฟ้า(ดินขยาย) แล้วลากสายไฟ ไปที่รังถ่านแบตเตอรี่ของวิทยุ(ส่วนกำเนิดการจุด) ที่ใส่ถ่านไว้ โดยมีสวิตช์เปิดปิดวิทยุ เป็นสะพานไฟ พอมีบุคคลเป้าหมาย มาเปิดวิทยุฟังก็ระเบิดทันที เช่นนี้คือ การวางระเบิดแสวงเครื่อง เพราะตัววิทยุ กับวงจรไฟฟ้าที่วิทยุมีอยู่ ไม่ใช่วัสดุมาตรฐานจากโรงงานผลิตระเบิดโดยเฉพาะ แต่เป็นวัสดุที่ผู้ใช้แสวงหามาจากของใช้ทั่ว ๆ ไป

Mines (ทุ่น/กับระเบิด ที่ผลิตจากโรงงานมาตรฐาน)

ส่วน Mines คือ ทุ่นระเบิด ที่ผลิตจากโรงงานมาตรฐาน มีรุ่น ขนาด การใช้แบบเดียวกันหมด ในภาษาราชการเรียกแบบนี้ เพราะต้องการแยกไม่ให้เหมือนกับระเบิด ซึ่งเป็นการดัดแปลงการใช้งานให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และความต้องการ

>> ระเบิดแสวงเครื่องทำงานแบบบังคับชุด เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่สามารถควบคุมการทำงานได้จากระยะไกล (Remote Control) การที่ระเบิดแสวงเครื่อง สามารถประดิษฐ์จากวัสดุที่มีอยู่โดยทั่วไป ทำให้รูปแบบของระเบิดแสวงเครื่องมีหลายรูปแบบ และไม่มีลักษณะที่แน่นอน บางทีมาในรูปแบบของโทรศัพท์มือถือ กระถางต้นไม้ ถังขยะ รถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ง่ายสำหรับผู้ก่อการร้ายในการจัดหาวัตถุดิบ การซุกซ่อนพกพา การประดิษฐ์ และการนำมาใช้ แต่จะเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ในการตรวจค้นและเก็บกู้วัตถุระเบิด

>> ระเบิดแสวงเครื่อง สามารถแบ่งประเภทตามลักษณะของระบบการทำงาน ได้ 3 ระบบ คือ
1.) ระบบสารเคมี เป็นการใช้สารเคมีซึ่งเป็นส่วนผสมของระเบิดผสมกัน ทำให้เกิดปฏิกิริยากันแล้วเกิดการระเบิดขึ้น
ระบบนี้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะขั้นตอนการประดิษฐ์ยุ่งยาก ไม่สามารถควบคุมเวลาที่จะทำให้เกิดการระเบิด
ได้แน่นอน และที่สำคัญคือเป็นอันตรายต่อผู้ประดิษฐ์

2.) ระบบกลไก เป็นการใช้อุปกรณ์ทางกลต่าง ๆ เป็นตัวทำให้เกิดการทำงานของระเบิดแสวงเครื่อง ระบบนี้ส่วนใหญ่
จะต้องอาศัยสิ่งอื่น ๆ มากระทำต่ออุปกรณ์ระเบิด ระเบิดจึงจะเริ่มทำงาน เช่น การใช้ระบบนาฬิกาเป็นกลไก ระเบิดวิธีนี้นิยมใช้ข่มขู่ หรือประสงค์ให้เสียชีวิตเฉพาะบุคคล

3.) ระบบไฟฟ้า เป็นการใช้อุปกรณ์ทางไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์มาควบคุมการจุดระเบิด เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ เพจเจอร์ โทรศัพท์ไร้สาย รีโมตคอนโทรล รถยนต์ รถ หรือเครื่องบินวิทยุบังคับ นำมาประกอบเชื้อปะทุไฟฟ้าและวัตถุระเบิด ระเบิดแสวงเครื่องแบบนี้เป็นที่นิยมกันมาก เนื่องจากประดิษฐ์ได้ง่าย สามารถกำหนดเวลา, ควบคุมจังหวะการทำงานได้แน่นอน, ควบคุมการทำงานได้ในระยะไกล และสามารถสร้างความซับซ้อนตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของผู้ประดิษฐ์ได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของผู้ประดิษฐ์

ระเบิดแสวงเครื่องทำงานแบบถ่วงเวลา ใช้อุปกรณ์ตั้งเวลาการทำงาน เช่น ใช้นาฬิกา หรือวงจรนับแบบอิเล็กทรอนิกส์
 

>> ระเบิดแสวงเครื่องทำงานอย่างไร
1.) ทำงานจากการกระทำ ของเหยื่อ เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ต้องอาศัยบุคคลหรือ สิ่งอื่น ๆ มากระทำเพื่อให้ เกิดการระเบิด เช่น ยกระเบิด เปิดระเบิด หรือเอียงระเบิด

2.) การทำงานแบบบังคับชุด เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่สามารถควบคุมการทำงานได้จากระยะไกล (Remote Control) เช่น วิทยุรับ-ส่ง, โทรศัพท์มือถือ ผู้ที่ประดิษฐ์ระเบิดแบบนี้จะต้องมีความรู้ พื้นฐานทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างดี ทั้งนี้โทรศัพท์ที่นิยมนำมาใช้ในการทำระเบิดคือมือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3310 เนื่องจากแผงวงจรสามารถทำระเบิดได้ง่ายไม่ต้องใช้อุปกรณ์อย่างอื่นมาพ่วง แต่มือถือรุ่นอื่น ก็ใช้ในการทำระเบิดได้ เพียงแต่ต้องหาอุปกรณ์พ่วงหรือบางรุ่นกำลังไฟมีไม่พอ นอกจากนี้ในการเปิดให้ประชาชนสามารถซื้อมือถือใช้ได้โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนทำให้เกิดความยากในการติดตามจับกุม ซึ่งหากมีการลงทะเบียนการเปิดใช้มือถือ ทั้งหมดจะสามารถช่วยติดตามจับกุมคนร้ายที่ใช้มือถือได้ทันที แต่ในขณะที่ยังไม่มีการควบคุม เมื่อคนร้ายใช้มือถือเสร็จ ก็สามารถไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ มาใช้ทำระเบิดแสวงเครื่องได้อีก

3.) การทำงานแบบถ่วงเวลา ใช้อุปกรณ์ตั้งเวลาการทำงาน เช่น ใช้นาฬิกา หรือวงจรนับแบบอิเล็กทรอนิกส์

4.) การทำงานแบบอาศัย สภาพแวดล้อม เช่น เมื่อโดนแสงสว่าง หรือมีเสียงดัง

ระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในหม้ออัดแรงดันทำงานแบบถ่วงเวลา ใช้อุปกรณ์ตั้งเวลาการทำงาน
 

>> วิธีสังเกตระเบิดแสวงเครื่อง เนื่องจากระเบิดแสวงเครื่องมีลักษณะภายนอกเหมือน กับวัสดุ หรือของใช้ทั่วไป ทำให้การสังเกตหรือการพิสูจน์ทราบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องนั้นค่อนข้างทำได้ยาก แต่จะมีข้อพิจารณาในเบื้องต้นได้ ดังนี้
1.) เป็นวัตถุที่ไม่มีเจ้าของหรือหาเจ้าของไม่พบ เช่น มีของแปลกปลอมมาวางอยู่ และสอบถามไม่พบเจ้าของ เช่น มีกระเป๋าเดินทางที่สนามบิน แต่สอบถามไม่พบว่ามีเจ้าของ หรือมีถุงหรือกล่องไปวางตามตลาด แต่ไม่มีเจ้าของคอยดู เป็นต้น

2.) เป็นวัตถุมีลักษณะภายนอกผิดปกติหรือผิดจากรูปเดิม ไป เช่น กล่อง มีร่องรอยเปรอะเปื้อน กล่องปิดผนึกไม่เรียบร้อย หรือมีรอยผนึกใหม่ มีรอยยับต่าง ๆ หรือมีสี ที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น

3.) เป็นวัตถุที่ควรจะอยู่ในที่อื่นมากกว่าจะอยู่ตรงนั้น เช่น กล่องข้าวไปวางในห้างสรรพสินค้า หรือถังขยะไปวางตรง สี่แยกไฟแดง หรือมีกระถางต้นไม้ไปวางใน ดงต้นไม้ที่ไม่มีกระถาง

จดหมาย/พัสดุที่เป็นระเบิดแสวงเครื่อง

4.) เป็นวัตถุที่ไม่เคยพบเห็น ณ ที่ตรงนั้นมาก่อนเลย เช่น มีถังขยะไปวางตรงทางเดินที่ไม่เคยมีถังขยะมาก่อน หรือมีกระเป๋า กล่องกระดาษ กล่องพลาสติก กล่องโฟม หรือ สิ่งแปลกปลอมไปวางในสถานที่ ที่ไม่เคยมีของไปวาง จากที่กล่าวมาข้างต้น เป็นแค่เหตุผลในการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น ดังนั้นทุกคนควรจะหมั่นสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรเข้ามาวางในบริเวณที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน และควรจะทำและจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ จะได้สังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมได้ง่าย พื้นที่สาธารณะหากอะไรที่เก็บเข้าตู้ล็อกได้ควรทำให้เรียบร้อย พื้นที่ไหนอันตรายห้ามเข้าควรจะมีป้ายบอกและตรวจตราพื้นที่ดูสิ่งแปลกปลอมตลอดเวลา ถ้ามีข้อผิดสังเกตให้นึก ไว้เสมอว่า วัตถุต้องสงสัยนั้นอาจจะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง

>> วงจรการระเบิด ประกอบด้วย
1.) ส่วนดินระเบิดหลัก เช่น พวกดิน TNT , C4 , C3 , PETN , แอมโมเนียไนเตรต ฯลฯ (ที่เป็นตัวทำให้เกิดแรงระเบิดที่มีผลในการทำลายตามที่ต้องการ)
2.) ส่วนดินขยายการระเบิด เช่น เชื้อปะทุชนวน, เชื้อปะทุไฟฟ้า
3.) ส่วน กำเนิดการจุด เช่น กระแสไฟ, ไฟ, ความร้อน, การเสียดสี

>> ทั้งนี้ ผลของการระเบิดก่อให้เกิดอันตรายจาก
1.) แรงดันจำนวนมหาศาล สาดกระจายออกทุกทิศทาง
2.) ความร้อนและเปลวไฟ จำนวนมาก
3.) สะเก็ดระเบิด ที่เกิดจากภาชนะบรรจุ
4.) เศษวัสดุที่เพิ่มเติมเข้าไปในตัวระเบิด

สำหรับองค์ประกอบของวัตถุระเบิดแสวงเครื่องระบบไฟฟ้า มีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วน คือ
1.) แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า
2.) ตัวจุดระเบิด ได้แก่ เชื้อปะทุชนวน หรือเชื้อปะทุไฟฟ้า ทั้งทางทหาร และทางพลเรือน
3.) ดินระเบิดหลัก ได้แก่ ดินระเบิดมาตรฐานทางทหาร, ทางพลเรือน หรือวัตถุระเบิดที่ทำเอง
4.) ระบบสวิตช์ควบคุม ได้แก่ สวิตช์ปลอดภัย (Safety Switch), สวิตช์พร้อมระเบิด (Arming Switch), สวิตช์จุดระเบิด (Firing Switch) หรือวงจรสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดต่าง ๆ

องค์ประกอบสำคัญ 4 ส่วนของวัตถุระเบิดแสวงเครื่องระบบไฟฟ้า ดังที่กล่าวมา สามารถแยกอธิบายในรายละเอียดได้ ดังนี้
1.) แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ที่ให้พลังงานไฟฟ้าแก่ สวิตช์ควบคุมวงจรจุดระเบิด และ ตัวจุดระเบิด ได้แก่ แบตเตอรี่ชนิดและขนาดต่าง ๆ (เชื้อปะทุไฟฟ้าสามารถจุดระเบิดด้วยแรงดันไฟฟ้าเพียง 0.7 โวลต์)
2.) ตัวจุดระเบิด / เชื้อปะทุ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการใช้ เชื้อปะทุไฟฟ้า มาตรฐานทางพลเรือนที่ลักลอบนำมา จากเหมืองหินทั้งในและนอกพื้นที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่พบว่ามีการใช้ปะทุไฟฟ้ามาตรฐานทางทหาร การใช้ เชื้อปะทุชนวน นำมาแสวงเครื่อง เป็น เชื้อปะทุไฟฟ้า มีบ้างเล็กน้อย มีการใช้ หลอดไฟฟ้าประดับนำมาแสวงเครื่องเป็นเชื้อปะทุสำหรับจุดระเบิดวัตถุ ระเบิดแรงต่ำ

ภาพตัวอย่าง ส่วนกำเนิดการจุด โดยใช้โทรศัพท์มือถือ

>> เมื่อพบระเบิดแสวงเครื่องหรือวัตถุต้องสงสัยจะทำอย่างไร
1.) ห้ามจับต้อง หยิบยกเคลื่อนย้าย ทำให้สั่นสะเทือน หรือเคลื่อนไหวโดยเด็ดขาด
2.)  สอบถามหาเจ้าของวัตถุต้องสงสัย หากไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า วัตถุต้องสงสัยอาจจะเป็นวัตถุระเบิด
3.)  จดจำลักษณะทั่วไปของวัตถุต้องสงสัยและบริเวณพื้นที่ที่พบเห็น เพื่อเป็นข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด ดังนี้
- ขนาด, รูปร่างของวัตถุต้องสงสัย
- ลักษณะบ่งบอกอื่น ๆ เช่น มีเสียงการทำงาน, มีสาย ไฟฟ้า เป็นต้น
4. ) รายงานให้ผู้รับผิดชอบสถานที่นั้นทราบ โดยรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนิน การต่อไป
5.)  อพยพผู้คนออกจากอาคารสถานที่นั้นโดยด่วนด้วยวิธีนุ่มนวล เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นกลัว
6.)  กำหนดเขตอันตรายและป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ให้เข้าไปในเขตอันตราย โดย ใช้การประมาณการจากขนาดของ วัตถุต้องสงสัย
- ระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็กปิดกั้นระยะ 100 เมตร
    - ระเบิดแสวงเครื่องขนาดใหญ่, รถยนต์ระเบิดปิดกั้นระยะ 400 เมตร
7. ) ผู้พบเห็นวัตถุต้องสงสัยให้รอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด

การวางกระสอบทรายเพื่อลดทอนแรงระเบิด วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูงสุด

>> การลดอันตรายจากการระเบิด
1.) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสถานที่สามารถดำเนินการเพื่อลดอันตรายได้โดยการจัดหายางรถยนต์ขนาดที่เหมาะสม (ไม่ใหญ่จนเกินไป) จำนวน 3–4 เส้น เพื่อครอบวัตถุต้องสงสัยไว้ แต่วิธีนี้ผู้เข้าไปวางยางครอบจะ มีความเสี่ยงถ้าระเบิดเกิดการทำงาน
2.)  การใช้รถเข็นขนาด เล็ก (กว้าง 1 เมตร หรือ ไม่เกิน 2 เมตร) บรรทุกกระสอบทราย แล้วใช้ไม้ดันรถให้ไป ใกล้ ๆ สิ่งของต้องสงสัย ถ้ามีระเบิดแรงระเบิดจะถูกลดทอนลง โดยกระสอบทราย วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูงสุด
3.) ต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้นและ อย่าให้สิ่งของต้องสงสัยถูกกระทบกระเทือนเป็นอันขาด

หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเฝ้าระวัง หมั่นตรวจสอบสถานที่อยู่ การสูญเสียจากเหตุระเบิดเหล่านี้จะลดน้อยลง

สิ่งเหล่านี้จะเป็นมาตรการที่จะช่วยในการระวังป้องกัน และเตรียมตัวหากเกิดไปเจอกับระเบิดมรณะเข้าไม่มากก็น้อย หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเฝ้าระวัง หมั่นตรวจสอบสถานที่อยู่ การสูญเสียจากเหตุเหล่านี้จะลดน้อยลง เพราะลำพังอาศัยเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบคงไม่เพียงพอ เท่ากับประชาชนช่วยกันตรวจสอบและสอดส่องเอง


ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
TikTok > https://www.tiktok.com/@thestatestimes