“ประวิตร” ลุย สระแก้ว ตรวจศูนย์กักกันแรงงานต่างด้าว ย้ำ ให้คุมเข้มชายแดน-ป้องกันโควิด-ค้ามนุษย์

ณ ห้องประชุม โรงแรมอินโดจีน แกรนด์ เรสซิเดนท์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ศูนย์กักกันที่รัฐกำหนด ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยรับฟังสถานการณ์ด้านความมั่นคง การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งภาพรวมในสถานการณ์ โควิด-19 พื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีคนไทยเดินทางกลับผ่านแดน บ้านคลองลึก ช่วงเดือนเม.ย.-ธ.ค.64 จำนวน 5,011 คน จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย วันที่1-31ม.ค.65 จำนวน 1,088 คน มีผู้นำพา 12 คน และมีการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 497 คน เป็นต้น 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จังหวัดสามารถควบคุมสถานการณ์ ให้สงบได้ภายใน 21-28วัน และประชากรร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19แล้ว ขณะที่ความพร้อมในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้จัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างทั่วประเทศ จำนวน 5ศูนย์ เพื่อการนำแรงงานต่างด้าว 3สัญชาติ ได้แก่ศูนย์ จ.สระแก้ว รับสัญชาติกัมพูชา) ,ศูนย์ จ.ระนอง รับสัญชาติเมียนมา ศูนย์ จ.ตาก รับสัญชาติเมียนมา ,ศูนย์ จ.มุกดาหาร รับสัญชาติลาว) และศูนย์ จ.หนองคาย รับสัญชาติลาว

สำหรับศูนย์ จ.สระแก้ว แห่งนี้มีการเปิดดำเนินการแล้ว ตั้งแต่1ก.พ.65 มี6 ขั้นตอน เริ่มจากช่องทางเข้าผ่านแดนการคัดกรองโรคเบื้องต้น และออกเอกสารกักตัว ต่อด้วยจุดตรวจลงตรา(วีซ่า) จุดตรวจสัมภาระ จุดตรวจสิ่งผิดกฎหมาย และรับแรงงานไปยังสถานที่กักตัว ซึ่งเป็นสถานที่กักกันในรูปแบบองค์กร จำนวน 6แห่ง มีทั้งหมด 1,008 เตียง

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ว่า ต้องมีมาตรการเข้มงวด และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเข้าเมืองและผู้นำพา อย่างจริงจัง เพราะอาจเชื่อมโยงต่อการค้ามนุษย์ และการนำเข้าแรงงานต่างด้าว จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ของสาธารณสุขจังหวัด ทุกขั้นตอน ทั้งนี้ขอให้ปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวด้วยหลักสิทธิมนุษยชน คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเป็นสำคัญ