“นายกฯ” ติดตามผลการเปิดประเทศทุกมิติ ไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล หลังพบ 6 รายนำเชื้อเข้า มีระบบสาธารณสุขดูแล ส่วนปัญหาติดขัดอื่นๆคลี่คลายได้ทั้งหมด ยันให้ความสำคัญเปิดเทอมไม่น้อยกว่าเปิดปท.
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมาย ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานว่าภายหลังการเปิดประเทศมีผู้ติดเชื้อเข้ามา มีความกังวลอย่างไรบ้าง ว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามผลการดำเนินงานของการเปิดประเทศมาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะด้านสาธารณสุขเท่านั้น ส่วนเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากการเดินทางนั้น พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่านับตั้งแต่วันที่ 1-3 พ.ย.มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมด 7,124 คน จาก 3 ระบบ คือผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ผู้ที่เดินทางเข้าในระบบแซนด์บ็อกซ์ และคนที่เข้าระบบกักกันตัว ทั้งหมดนี้มีผู้ติดเชื้อรวม 6 คนเท่านั้น และได้รับการดูแล ซึ่งในเรื่องสาธารณสุขตรงนี้ ไม่มีประเด็นไหนที่ต้องกังวล
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับนักท่องเที่ยว เช่น บางจุดในสนามบินที่เป็นช่วงเวลาที่มีผู้เดินทางเข้ามาเยอะ และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขมีจำนวนน้อยอยู่ ทางสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการหาเจ้าหน้าที่มาเพิ่มเติมได้ครบถ้วน ซึ่งคาดว่าปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลาย ส่วนอีกปัญหาพบสายการบินตรวจเอกสารตั้งแต่ต้นทางไม่ครบถ้วน เมื่อมาถึงไทยเลยเกิดปัญหา ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ประสานงานในการจัดระเบียบให้เข้ม ว่าต้นทางที่จะรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องต้องทำอย่างไรบ้าง ส่วนระบบไทยแลนด์ พาส (Thailand Pass) แม้จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 พ.ย.แล้ว แต่ในช่วงนี้ระยะเปลี่ยนผ่าน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยจะอยู่ภายใต้ระบบการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (ซีโออี)อยู่ แต่เมื่อระบบไทยแลนด์ พาส ได้ใช้อย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะเริ่มในวันที่ 8 พ.ย. ปัญหาในการตรวจสอบต่างๆจะคลี่คลายไปทั้งหมด ซึ่งนายกฯติดตามครบทุกมิติในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเปิดเทอมเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นายกฯให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเปิดประเทศอย่างที่มีคนกล่าวหา ทั้งนี้รมว.ศึกษาธิการได้รายงานให้ครม.รับทราบ โดยเฉพาะเรื่องของการฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา นับจนถึงวันที่ 2 พ.ย.ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 800,000 กว่าคน เข็มที่ 2 จำนวน 557,000 คน ส่วนที่ยังไม่ได้รับการฉีด 87,000 คน ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งฉีดให้ครบถ้วน สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับเด็กและนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยตัวเลขวันที่ 3 พ.ย.ฉีดวัคซีนแล้ว 3 ล้านกว่าคน คิดเป็น 78 เปอร์เซ็นต์ จากยอดที่แจ้งประสงค์ฉีดวัคซีน 840,000 คน
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนการสอนแบบ on site จำนวน 12,110 โรงเรียน จากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 35,000 โรงเรียน ทั้งนี้แม้ตัวเลขอาจจะยังไม่มาก แต่รมว.ศึกษาธิการก็ให้ข้อมูลว่า โรงเรียนในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัดขอเวลาและไปเปิดวันที่ 15 พ.ย. เนื่องจากกระบวนการที่จะนำไปสู่ความพร้อมในการเปิดโรงเรียนจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ