กบง.อุ้มดีเซล ตรึงราคาไม่ถึง 30 บ./ลิตร ลดจัดเก็บเงิน B7 เข้ากองทุนน้ำมันฯ เหลือ 1 สตางค์

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานหรือกบง. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ว่า จากความกังวลของประชาชนในส่วนของราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องซึ่งเกิดจากดีมานด์ที่มีเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว รวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่ทำให้กำลังการผลิตหายไปบางส่วน บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจึงทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นซึ่งรัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ประชุมกบง. ได้มีการประชุมหารือ เพื่อลดภาระประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานแพงตามภาวะตลาดโลก และมีมติเข้ามาดูแลในระยะสั้นจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564

โดยที่ประชุม กบง. มีมติดูแลราคาน้ำมันที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจทั้งน้ำมันพื้นฐานบี 10 และน้ำมันบี 7 ที่มีรถยนต์ที่ใช้อยู่ประมาณ 10 ล้านคัน โดยจะดำเนินการ 3 ส่วน คือ 

1.) ปรับลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดเก็บจากบี 7 อัตรา 1 บาทต่อลิตร เหลือ 1 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซล บี 7 ลดเหลือต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันขึ้นไปอยู่ที่ 31.29 บาทต่อลิตร

2.) ลดค่าการตลาดกลุ่มดีเซล จาก 1.80 บาทเหลือ 1.40 บาทต่อลิตร ลดลง 40 สตางค์ต่อลิตร จะทำให้ ราคาบี 6 จะอยู่ที่ประมาณ 28.29 บาท/ลิตร โดยมีผลวันที่ 5 ตุลาคม - 31 ตุลาคม 2564 หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ 76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กองทุนน้ำมันก็จะเข้ามาช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเพื่อให้ประชาชนที่ใช้งานอยู่ประมาณ 10 ล้านคัน ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

3.) ปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลงจากเดิมที่ผสมอยู่ในสัดส่วน 10% หรือบี 10 และ 7% หรือ บี 7 ให้เหลือ 6% หรือบี 6 เป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ราคาน้ำมันบี 6 อยู่ที่ 28.29 บาทต่อลิตร โดยเป็นมาตรการระยะสั้นให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม - 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งจากมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2564 จะเหลือน้ำมันดีเซลชนิดเดียว คือ บี 6 โดยใช้เงินอุดหนุนส่วนนี้เดือนละประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้หากราคาตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นจะมีเงินกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนบัญชีน้ำมันดูแลได้อยู่ ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท

ส่วนการช่วยเหลือราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ล่าสุดได้แยกบัญชีระหว่างแอลพีจีและน้ำมันออกจากกันเด็ดขาด เนื่องจากบัญชีแอลพีจีติดลบกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท จากการอุดหนุนราคาจนใกล้เพดานที่กำหนด คือ 1.8 หมื่นล้านบาทหลังจากนี้จะเสนอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ อนุมัติวงเงินจากพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทมาช่วยเหลือเป็นเวลา 4 เดือน (ตุลาคม 2564 - มกราคม 2565) เพื่อคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง (ไม่รวมค่าขนส่ง) โดยจะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มครัวเรือนเท่านั้นไม่รวมภาคขนส่ง

“ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันกระโดดขึ้นมาพรวดพราด ยอมรับว่าราคาน้ำมันดีเซลบี 10 ที่เป็นน้ำมันพื้นฐานได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องใกล้แตะเพดานที่กองทุนต้องดูแลเข้าไปไม่ให้เกินระดับ 30 บาทต่อลิตร แต่หากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังขยับขึ้นอีก ก็เตรียมใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดูแลอีกแรงให้ราคาน้ำมันดีเซลพื้นฐานยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 28 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากจำเป็นก็พร้อมออกมาตรการฉุกเฉินเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว