'แอสเซนด์ มันนี่' มูลค่าบริษัทเพิ่มเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังระดมทุนรอบล่าสุดจำนวน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และก้าวสู่การเป็นบริษัทฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของประเทศไทย เผยปี 2563 มียอดทำธุรกรรม สูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  

โดยในการระดมทุนครั้งล่าสุดนี้ ยังได้บริษัท โบว์ เวฟ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ (Bow Wave Capital Management) จากสหรัฐอเมริกา มาลงทุนร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ แอนท์ กรุ๊ปอีกด้วย

การระดมทุนรอบนี้ ส่งผลทำให้ แอสเซนด์ มันนี่ มีมูลค่าบริษัทเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 50,400 ล้านบาท) และขึ้นเป็นยูนิคอร์นตัวที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจาก Flash Express และเป็นรายแรกในกลุ่มฟินเทค

ทั้งนี้ ยูนิคอร์น หมายถึงสตาร์ตอัปที่มีมูลค่าบริษัทเกินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้ง และ ประธานคณะกรรมการบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จในการระดมทุนของ แอสเซนด์ มันนี่ นับเป็นความภาคภูมิใจในระดับชาติ เพราะสะท้อนศักยภาพของไทย ในการสนับสนุนบริษัทฟินเทคและผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในประเทศให้สามารถประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไประดับนานาชาติได้

ก่อนหน้านี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นองค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนของโลก UN Global Compact ระดับ LEAD การขับเคลื่อนด้านการระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นการขยายแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ธุรกิจ 4.0 ของเครือฯ ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่คนทุกภาคส่วน และตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค

สำหรับ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เมื่อปี 2556 ปัจจุบันเป็นฟินเทคสัญชาติไทยเพียงรายเดียวที่ให้บริการครอบคลุม 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยเป็นผู้ให้บริการ ทรูมันนี่ แพลตฟอร์มดิจิทัลเพย์เมนต์และบริการทางการเงินดิจิทัลชั้นนำที่ให้บริการผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านราย ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท และเครือข่ายตัวแทนกว่า 88,000 รายทั่วภูมิภาค

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า แอสเซนด์ มันนี่ กำลังขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสดและมอบบริการทางการเงินอันหลากหลายให้กับผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ วอลเล็ท บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจและบริการครอบคลุมการเงินดิจิทัลอย่างครบครัน ได้แก่ บริการสินเชื่อดิจิทัล บริการเงินฝากดิจิทัล และบริการลงทุนแบบดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มการเงินที่ทำให้การเงินเป็นเรื่องง่าย ซึ่งช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย ผู้ไม่มีงานประจำ รวมถึงคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้สามารถเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินได้โดยง่าย  

นอกจากนี้ แอสเซนด์ มันนี่ ยังมีบริการโอนเงินภายในประเทศและโอนเงินข้ามประเทศผ่านเครือข่ายตัวแทน และได้ช่วยตัวแทนเหล่านี้ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยในท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

นายอิไท เลมแบร์เกอร์ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัท โบว์ เวฟ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "ผลกระทบจากการระบาดใหญ่ได้เร่งการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราภูมิใจที่ได้สนับสนุน แอสเซนด์ มันนี่ ให้บรรลุพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค”

แอสเซนด์ มันนี่ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2563 บริษัทฯ มียอดการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม (Total Payment Volume) รวม 6 ประเทศ อยู่ที่ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของยอดการทำธุรกรรมรวมสูงสุดที่ 84% ระหว่างปี 2562 - 2563