“บิ๊กป้อม” “เร่งแผน"ความมั่นคงทางทะเลปีอ66-70" รักษาผลประโยชน์ทางทะเล มุ่งประโยชน์ต่อปชช.  กำชับ ศร.ชล. ตรวจเข้ม ยาเสพติด/แรงงานผิดกม./ค้ามนุษย์/โควิด-19 มากับเรือ

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ครั้งที่ 1/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบ Video Conference

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานการประเมินสถานการณ์และความรุนแรง ของภัยคุกคามทางทะเล ประจำปีงป.64  ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ภัยความมั่นคงแบบดั่งเดิม เช่นการแข่งขันของประเทศต่างๆด้านภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเล 2) ความมั่นคงของมนุษย์ เช่นความปลอดภัยทางทะเลและอาชญากรรมข้ามชาติ 3) เศรษฐกิจภาคทะเล และ 4) สิ่งแวดล้อมทางทะเล ในภาพรวมยังมีแนวโน้มปัญหาเพิ่มมากขึ้น และรับทราบผลการประเมินการปฏิบัติตามแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล ประจำปีงป.64  

สรุปผล พบว่าสามารถบรรลุเป้าหมาย ครบทั้ง6 ยุทธศาสตร์  แต่ยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์ โควิด-19 และอื่นๆ รวมถึง ได้รับทราบผลการปฏิบัติงาน ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) ในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันการนำเข้ายาเสพติด สินค้าและแรงงานผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ และการแพร่ระบาด ของโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมากับเรือ อย่างเข้มงวด  

ต่อจากนั้นได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อจัดทำร่างแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ 2566-2570) และเห็นชอบแนวทางจัดตั้งองค์กร จัดการความรู้ทางทะเลในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งและได้บรรจุไว้ในแผนระดับชาติ โดยได้ร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการในกำกับดูแล ของรัฐ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีความประสานสอดคล้อง กับหน่วยงานระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติ รวมทั้งมีการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาครัฐกับภาควิชาการ อันจะเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ทางทะเล มิติต่างๆ อย่างรอบด้าน

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ คณะกรรมการฯ และคณะทำงาน ให้เร่งรัด ขับเคลื่อน การจัดทำแผนทางทะเลระดับชาติฉบับใหม่ พร้อมสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมทั้ง23 จังหวัดชายทะเล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ควบคู่กับการบังคับใช้กม.อย่างจริงจัง สามารถรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ อย่างได้ผล และเป็นรูปธรรม ซึ่งสุดท้ายประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน และลูกหลานคนไทย อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป