พรบ. ทุนรัฐวิสาหกิจเปิดทางให้มูลค่าสินทรัพย์รัฐบาลเพิ่มกว่า1 ล้านล้านบาท จาก ปตท. และ ทอท.
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ คือ ปตท. การไฟฟ้าทั้ง 3 ทีโอที+กสท. กสทช. การท่าอากาศยาน และ องค์การเภสัช
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ในฐานะรองประธาน ได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ และขอให้แต่ละแห่งต้องบริหารการเงินให้ดีเพราะงบประมาณของรัฐในอนาคตจะไม่มีงบเพื่อสนับสนับสนุนรัฐวิสาหกิจเช่นในอดีต ปตท. และการท่าอากาศยานได้รับความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่น่าเสียดายที่ไฟฟ้าและโทรคมนาคมพลาดโอกาส เมื่อ 20 ปีก่อนที่ตนผลักดันพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ได้ถูกต่อต้านอย่างมาก จนถูกกล่าวหาว่าเป็นกฎหมายขายชาติ
แต่ผลในปัจจุบันปรากฏว่ามูลค่าทุนของ ปตท. ที่รัฐเคยถือไว้ก่อนเข้าตลาดได้เพิ่มจาก 30,000 ล้านบาท เป็น 600,000 ล้านบาท ในปัจจุบันและทุนของการท่าอากาศยานได้เพิ่มจาก 5,747 ล้านบาทเป็น 575,000 ล้านบาท รวมทั้งสองแห่งเท่ากับว่า พรบ. ทุนฯ ได้เปิดทางให้มูลค่าทุนของรัฐบาลเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านล้านบาท นอกเหนือจากเงินปันผลที่ได้รับอีกกว่า 1 ล้านล้านบาทในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยที่กระทรวงการคลังยังถือหุ้นใน ปตท. และ ทอท. 60 % และ 70 % ตามลำดับ
ดร.พิสิฐ กล่าวชม ปตท. ในความสำเร็จที่ผ่านมาจนได้เป็นบริษัทที่มี ฐานะเป็นอันดับ 1 ในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้ขยายสัดส่วนในตลาดน้ำมันจาก 10% มาเป็น 40% ในปัจจุบัน นอกจากการเน้นการค้า LNG ปตท. ยังพยายามสร้างธุรกิจใหม่ เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งการผลิตรถ EV
ส่วนการไฟฟ้าทั้ง 3 ผลจาก COVID-19 ทำให้กำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง ดร.พิสิฐ ขอให้มุ่งหน้าพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล
สำหรับการควบรวมทีโอทีและ กสท. จะมีการลดพนักงานโดยการให้สมัครใจลาออกพร้อมค่าสอบแทนเป็นแรงจูงใจถึง 6,000 นายในรอบ 3 ปี ดร.พิสิฐ ขอให้มีการดูแลให้คนที่ออกมีการยกระดับความรู้ (reskill) เพื่อกลับเข้าตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพและขอให้พิจารณาการให้บริการ free WiFi โดยเฉพาะเพื่อการศึกษาในยุคของ WFH และให้ดูตัวอย่างของออสเตรเลียที่สามารถชักนำให้ Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อช่วยสื่อสารมวลชนที่ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
สำหรับการท่าอากาศยานในรอบ 3 ปี มีความเสียหายจากคนไม่เดินทางเพราะ COVID-19 รวมเป็นการตกต่ำของรายได้ถึง 100,000 ล้าน แต่ฐานะการเงินของ ทอท. ก็ยังมั่นคง อาจไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐ