“องอาจ” เสนอนายกฯ เร่งดูแลประชาชน 5 ด้าน ช่วงล็อกดาวน์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดว่า การล็อกดาวน์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย ผู้ใช้แรงงานนอกระบบ และธุรกิจ SME อย่างรุนแรง เพราะถึงแม้จะไม่มีล็อกดาวน์ คนกลุ่มนี้ก็มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครมากอยู่แล้ว จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนถึงการระบาดรอบ 3 ที่กำลังก่อให้เกิดวิกฤติครั้งใหม่อยู่ในขณะนี้

มีการประเมินว่าการล็อกดาวน์คราวนี้จะเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละประมาณ 3,500 – 4,500 ล้านบาท ถ้าล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์จะเกิดความสูญเสียประมาณ 49,000 – 63,000 ล้านบาท ในกรณีที่ล็อกดาวน์ 1 เดือนจะเกิดความสูญเสียไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

แน่นอนว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ ก่อให้เกิดผลกระทบทั่วหน้าตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไปจนถึงธุรกิจ SME รวมถึงผู้ใช้แรงงานนอกระบบ แรงงานรายวัน ครัวเรือนรายได้น้อยที่ประทังชีวิตด้วยการหาเช้ากินค่ำ

แต่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่มีกำลังทุนที่เข้มแข็งไม่เปราะบางมาก มีสายป่านที่ยาวพอจะประคับประคองตัวเองได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำควรมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาอย่างถึงที่สุด

การเยียวยารอบนี้ภาครัฐควรเน้นมาตรการและกลไกที่ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาได้จริงดังนี้

1. ต้องเน้นช่วยคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน และควรคำนึงถึงความเสมอภาคมากกว่าความเท่าเทียม
2. ต้องมีมาตรการเสริมรายได้ลดรายจ่ายให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชนทุกรูปแบบ
3. ต้องช่วยธุรกิจ SME อย่างจริงจัง เพื่อทำให้ไม่กระทบการจ้างงานในวงกว้าง
4. ต้องใช้กลไกทางการเงินการคลังแบบยาแรง เพื่อช่วยเหลือธุรกิจไม่ให้ปิดกิจการ
5. ต้องเร่งใช้เงินกู้ 500,000 ล้านบาทให้เกิดผลสัมฤทธิ์ช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูได้จริง ไม่ควรทำแบบใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเหมือนที่ผ่านมา ที่ไม่ตอบโจทย์ของปัญหาที่เกิดขึ้น ธุรกิจ SME คนตัวเล็กตัวน้อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดได้รับการดูแลแก้ปัญหาน้อยมาก

ขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ศบค. ลงมาติดตามการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนกลุ่มต่างๆ ในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างมากในขณะนี้