เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช
ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยระส่ำระสายหลัง ปี 2475 นั้น มีหลายเหตุการณ์ที่เหล่าบรรดาคณะราษฎร์แย่งอำนาจกันจนแผ่นดินไร้ที่พึ่ง ประชาชนหมดหวังกับสภาพการเมืองอันวุ่นวาย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี
ซึ่งได้สถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้กับพระอนุชาเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช” เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2478 จากนั้นยุวกษัตริย์และพระอนุชา ก็ทรงกลับไปศึกษาต่ออีก 3 ปี จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2481 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ก็เสด็จนิวัตประเทศไทยพร้อมกับพระอนุชา เป็นเวลา 2 เดือน โดยประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
ด้าน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์จนถึง ปี 2488 ทรงเข้ารับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จากโรงเรียนฌีมนาซกลาซิกก็องตอนาลเดอโลซาน และต่อมาได้ทรงเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโลซาน แผนกวิทยาศาสตร์ แล้วเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
จนกระทั่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในวัย 21 ชันษา เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง ในวันเดียวกัน ซึ่งในขณะนั้น พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระชนมพรรษา 18 พรรษา ทางรัฐสภาได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อัญเชิญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อไป และทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แต่เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในขณะนั้นยังทรงพระเยาว์ และต้องทรงศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศรัฐบาลจึงได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ บริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์
ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระมหาราชวัง เฉลิมพระปรมาภิไธยตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม”
โดยตลอดระยะเวลาการครองราชย์ กว่า 70 ปี พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย ได้พระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 4,000 โครงการ และด้วยพระปรีชาสามารถรอบด้าน ทรงได้รับการสดุดีและการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์เป็นจำนวนมากทุกสาขาวิชาการ ทั้งยังมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอย่างสูงส่ง ทรงพระราชนิพนธ์เพลงอันไพเราะนับแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบันรวม 47 เพลง และทรงได้รับยกย่องเป็น “อัครศิลปิน” ของชาติอีกด้วย
ที่มา : http://www.bizpromptinfo.com
โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9