ไฟในโรงงานผลิตเม็ดโฟม กิ่งแก้ว 21 ปะทุขึ้นมาอีกครั้งหลังฝนตกลงมา เร่งอัดเคมีโฟมคุมสถานการณ์ไว้ได้
เมื่อเวลา 17.00 น ของวันนี้ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ไฟได้เกิดปะทุลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างรุนแรง เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีฝนตกลงมาและมีลมกรรโชกแรง ทำให้เปลวเพลิงยิ่งลุกโหมอย่างรุนแรง ซึ่งขณะเกิดเหตุยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงประจำการณ์อยู่ตรงจัดที่เกิดการปะทุของเหลวไฟ โดยกลุ่มควันสีดำจำนวนมากถูกกระแสพัดมาปกคลุมอยู่บนถนนกิ่งแก้วจนไม่สามารถมองเห็นผิวการจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิร่วมกตัญญูร่วมทั้งอาสาสมัครกู้ภัยต้องเข้าประจำการตามจุดรวมพลที่อยู่ทางด้านต้นลม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดอัดน้ำยาเคมีโฟมใช้เวลาประมาณ 30 นาที กลุ่มควันเริ่มเบาบางลง ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ฝนตกลงมาแล้วทำให้ชั้นโฟมที่เราฉีดอัดปิดอากาศไว้เกิดเบาบางลงทำให้เกิดไฟปะทุขึ้นมาได้ แต่ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้ว
ด้านนายปภินวิช ละอองแก้ว ปภ.จังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า ขณะนี้ท่านนายอำเภอในฐานะผู้รับผิดชอบในการทำงาน จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของจังหวัด มาการประชุมปรับปรุงแผนการทำงาน เพราะปล่อยไว้ให้เป็นอย่างนี้กันไม่ได้ ก็คงต้องมีการปรับปรุงแนวทางการทำงานใหม่เพื่อที่จะให้ยุติและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้มากที่สุด เพราะเราคลุมสถานการณ์อยู่แบบนี้ โอกาสที่มันจะเกิดขึ้นอีกมันก็ยังมี เราก็เห็นกันอยู่แล้วมันจะดับมันก็ไม่ดับ เพราะฉะนั้นเราถึงได้บอกว่าเราไม่วางใจต้องมีการเฝ้าระวังกันอยู่ตลอด
ซึ่งก็ได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านมาทางท่านนายอำเภอ ว่าจะมีบริษัทจากจังหวัดระยอง ว่าจะมาสนับสนุนการกำจัดสารระเหย ให้ระเหยขึ้นไปในอากาศได้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจก็คงต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะการตัดสินใจอะไรต้องผ่านผู้ดูแลในพื้นที่ร่วมไปถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะตัดสินใจว่าจะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมาย
ในส่วนที่ทำให้เกิดเปลวไฟปะทุขึ้นมานั้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากแสงแดดตอนกลางวันที่ลงมาเผาเคมีโฟมที่เราฉีดอัดเอาไว้ให้บางลงและเกิดรอยแตกร้าวจึงทำให้เกิดการปะทุขึ้นมาได้ เพราะว่าความร้อนที่อยู่ด้านล่างมันอาจจะยังคงอยู่ โดยขณะนี้ตอนนี้กำลังเริ่มอ่อนล้าเพราะทำงานกันมาตั้งแต่วันแรก
ปภ.จังหวัด โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้ให้ระดมสรรพกำลัง อปท.ทุกแห่งในจังหวัดสมุทรปราการ ให้เข้าปฎิบัติหน้าที่เป็นเวรผลัด วันละ 3 ผลัด ในการเฝ้าระวังท้องถิ่นละ 1 คัน ก็เท่ากับว่าผลัดละ 4 คัน ที่จะเข้ามาประจำอยู่ตรงนี้หมุนเวียนกันไปวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องอ่อนล้าเสียกำลัง ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ภาพ/ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ