ตำรวจ เตือนประชาชนระวังตกเป็นเหยื่อวายร้ายในคราบนักบุญ แอบอ้างขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่สมุทรปราการ เตือนคนคิดทำชั่ว ระวังโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณีเหตุ "โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้" ซึ่งเป็นของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา และได้เกิดเหตุเศร้า เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่ถูกไฟคลอกทั้งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครฯ หน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-18 ฐานเทคโน

ภายหลังเกิดเหตุ ในโลกออนไลน์ได้โพสต์ข้อความแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่กู้ภัยในปฏิบัติการครั้งนี้ อย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน ยังมีคนบางกลุ่มที่ฉวยจังหวะความสูญเสียดังกล่าว ใช้เป็นช่องทางหากิน ด้วยการเปิดบัญชีขอรับบริจาค โดยอ้างว่าเป็นบัญชีของมารดา ผู้เสียชีวิต

โดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ Sayjai Chanaasvang ได้โพสต์ข้อความ แจ้งเตือนว่า ไม่ใช่เฟสคุณแม่นะคะ จิตใจทำด้วยอะไรตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้ขอรับบริจาคเงินทำบุญให้น้องนะคะ เดี๋ยวถ้าทางเราคุยรายละเอียดกันเรียบร้อยแล้วจะแจ้งอีกทีนะคะ เพื่อเป็นสะพานบุญให้กับผู้ที่อยากร่วมทำบุญให้กับน้องนะคะ ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ ค่ะ

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุจนเสียชีวิตนั้น ปรากฎว่าในสื่อสังคมออนไลน์ มีมิจฉาชีพแอบอ้างขอรับการบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ขอความช่วยเหลือให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นภัยสังคม เป็นการฉวยโอกาสก่อเหตุโดยอาศัยความเดือดร้อนของผู้อื่น และจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน โปรดอย่าหลงเชื่อบุคคลแอบอ้างดังกล่าว หากประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะข้อมูลการขอรับการบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจมีการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพได้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ที่มา : https://www.facebook.com/ploy.sayjai/posts/505117990726385


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9