เครือข่ายปชช.ปกป้องประเทศ ร้องผู้ตรวจฯ สอบรัฐบริหารวัคซีนโควิดไม่มีประสิทธิภาพ อัดจัดซื้อแต่ซิโนแวค คุณภาพต่ำราคาแพง เจตนาเลี้ยงไข้ จี้เร่งอนุญาตเอกชนนำเข้า ไฟเซอร์ - โมเดอร์น่า แบบไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย พญ.กมลพรรณ ชีวะพันธ์ศรี และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายวัทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจฯขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข ผอ.องค์การเภสัชกรรม ผอ.องค์การอาหารและยา คณะกรรมการบริหารวัคซีน รมว.มหาดไทย กรณีบริหารจัดการวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ
พญ.กมลพรรณ กล่าวว่า หลายหน่วยงานในต่างประเทศ รวมทั้งแพทย์ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ต่างก็ออกมาระบุว่า เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพต่ำ ราคาแพง แต่รัฐบาลก็ยังกลับสั่งนำเข้ามาใช้กับประชาชนจำนวนมาก ขณะเดียวกันโรงพยาบาล เอกชนซึ่งต้องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์น่า หน่วยงานของรัฐทั้งองค์การเภสัชกรรม องค์การอาหารและยา กลับดำเนินการอนุญาตล่าช้า ซ้ำยังเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งส่งผลเสียทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพล่าช้า และถูกโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 47 กำหนดว่าบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมาตรา 55 ระบุว่ารัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ดังนั้นรัฐควรจะสนับสนุนให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโดยไม่จัดเก็บภาษี หรือนำเข้าเองมาฉีดให้กับประชาชน
“วันนี้มีคนติดเชื้อวันละ 5,000 คน เสียชีวิตวันหลายสิบคน แต่กลับใช้เงินกู้ 2 ครั้งกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เยียวยาประชาชนคนละเล็กน้อยไม่พอใช้ โดยไม่คิดจะทุ่มงบประมาณไม่เกินแสนล้านจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพมาให้กับประชาชน วัคซีนไฟเซอร์ ราคา 300-500 บาท จำนวน 60 ล้านโดส 2 เข็มใช้เงินแค่หลักหมื่นล้านบาท ก็สามารถฉีดให้กับประชาชนได้ครอบคลุมทั้งประเทศ แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการเจตนาเหมือนต้องการเลี้ยงไข้และต้องการจัดหาวัคซีนเพียงซิโนแวคเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่สามารถบริหารจัดการให้สามารถป้องกันโรคได้ การกระทำของรัฐบาลและหน่วยงานทั้งหมด จึงเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้า ทำงานล่าเช้า และถ่วงเวลา” พญ.กมลพรรณ กล่าว