“สมาคมภัตตาคารไทย” ชง “รัฐ” จัดเงินช่วยร้านอาหารประคองตัวรอดจากโควิด

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้เข้าหารือกับนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากกไวรัสโควิด-19 โดยยอมรับว่า ตั้งแต่ต้นปี 63 ที่ประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด 19 ร้านอาหารเป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ ถูกสั่งล็อคดาวน์ ลดพื้นที่การขาย จำกัดเวลา ปิด เปิด ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน 

อย่างไรก็ตามตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน มีการสำรวจพบว่า จำนวนร้านอาหารพื้นที่ 200 ตร.ม.ขึ้นไปที่มีจำนวน 150,000 ราย ปิดกิจการ ประมาณ 2 หมื่นราย ร้านขนาดพื้นที่ไม่ถึง 200 ตร.ม. ปิดกิจการประมาณ 3 หมื่นราย และหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อาจจะต้องปิดกิจการอีกประมาณ 5 หมื่นรายในไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานของแรงงานประมาณ 1 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อห่วงใช่อีกจํานวนมากในกระบวนการผลิต อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการขนาดย่อมอีก3 แสนราย ที่เป็นสตรีทฟู้ดด้วย 

ทั้งนี้ สมาคมภัตตาคารไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการร้านอาหารขอเสนอมาตรการเร่งด่วนที่ขอให้สภาพัฒน์ พิจารณาเพื่อนำข้อเสนอนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถประคองธุรกิจผ่านภาวะ เศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในขณะนี้ไปได้ โดยขอนำเสนอดังนี้

1.) ขอตั้งวงเงินเป็นโครงการพิเศษจำนวน 30,000 ล้านบาท โดยใช้บสย. 100 % รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท พิจารณาจากรายได้ในปี 2561-2562 โดยมีนิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) จำนวน 15,000 ราย ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า กระทรวงพาณิชย์ และการจ่ายภ.ง.ด.90 ประเภทบุคคล จำนวน 100,000 ราย 

2.) ตั้งคณะทํางานร่วมแก้ปัญหาธุรกิจอาหารเพื่อเสนอแนวทางฟื้นฟูทั้งวงจรธุรกิจอาหาร เนื่องจากธุรกิจอาหารมีความ แตกต่างที่หลากหลาย รัฐบาลสามารถติดตามให้การช่วยเหลือและพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งยังไม่เคยมี คณะทํางานชุดนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย โดยสภาพัฒน์เป็นผู้ดําเนินการหลัก เชิญทุกภาคส่วนร่วมเป็นคณะทํางาน 

3.) ในระยะเวลาอันเร่งด่วน ขอเสนอให้ใช้ศูนย์ บสย.FA Center ภายใต้การกํากับของกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นที่ ปรึกษาแก่ร้านอาหาร ทําบัญชี ภาษีให้ถูกต้อง และมีโอกาสยกระดับจากบุคคลเป็นนิติบุคคลต่อไป